นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล และผู้ต้องหาคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป เปิดเผยหลัง DSI ส่งสำนวนคดีของดิไอคอนให้อัยการคดีพิเศษพิจารณา เพื่อมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว โดยยอมรับว่า คดีนี้ยังไม่พร้อมที่จะต่อสู้คดีให้กับลูกความแต่ละคน เนื่องจากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการได้ข้อมูลทางคดีมาให้ลูกความพิจารณาในการต่อสู้คดี จึงได้รวมตัวกับทนายความของผู้ต้องหาทุกคนร่างคำร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดใน 4 ประเด็น คือ เรื่องการสอบปากคำพยานของฝั่งดิไคอน ซึ่งขณะนี้ทาง DSI ได้สอบปากคำพยานในฝั่งของตนเองไปเพียง 30 ปาก จากจำนวนมากกว่า 2,400 ปาก ซึ่งในประเด็นนี้ยังถือว่าไม่ติดใจมากนัก
อีกส่วนหนึ่งคือประเด็นการสอบปากคำโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ของดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่ง DSI มีการสอบให้ตามคำขอ แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องรายงานพฤติการณ์ของผู้เสียหาย 9,000 กว่าราย ให้สรุปพฤติการณ์มาให้โดยละเอียด รวมถึงรายชื่อของพยานและผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ว่ามีบุคคลใดบ้างและมีมูลค่าความเสียหายและรูปแบบพฤติการณ์ของลูกความตนเองอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ทำคำให้การได้ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าไม่ได้ตามที่ขอไป
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการที่ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นการยื้อคดีเรื่องนี้ ส่วนตัวไม่ได้อยากทำ ถ้า DSI ให้ข้อมูลดังกล่าวก็คงไม่ร้องขอความเป็นธรรมแบบนี้ และเชื่อว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว แต่หากเรื่องไปถึงชั้นศาลตนคงต้องให้ลูกความไม่รับข้อเท็จจริงของพยานและผู้เสียหาย ซึ่งอาจทำให้ศาลต้องสอบพยานทุกคน มองว่าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่จะเสียเวลาทั้งศาลและทุกคน
นอกจากนี้ กรณีที่จะมีการดำเนินคดีกับแม่ข่ายของดิไอคอนเพิ่มเติม นายวิฑูรย์ กล่าวว่า หากจะทำจริงต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน และไม่อยากให้เรื่องนี้เลยเถิด อย่าทำไปตามกระแส และดำเนินการไปความเป็นจริง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งจะต่อสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมาย และพยานหลักฐานที่มี