นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการพจิรณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ว่า คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ในช่วงต้นปี 2568 โดยในส่วนของกระทรวงการคลังนั้นเป็นการพิจารณาในขั้นตอนของข้อกฎหมายต่าๆ ที่จะต้องดูให้รอบคอบ โดยเมื่อผ่านความเห็นชอบของคระรัฐมนตรีแล้ว จะต้องส่งเรื่องไปกฤษฎีกา ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดูเรื่องข้อกฎหมายเป็นพิเศษ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกรอบไม่ขัดข้อกฎหมาย
สำหรับคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาจะมีองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ใกล้เคียงกับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องและคร่อมกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อให้มีอำนาจในการขับเคลื่อนโครงการไปได้ ซึ่งคณะกรรมการอาจจะมีการพิจารณากำหนดจุดที่เหมาะสมในการสร้าง Entertainment Complex แต่กระบวนการแข่งขันของภาคเอกชนจะต้องเป็นธรรม และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ทั้งนี้ Entertainment Complex เป็นเรื่องใหม่ และจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยจากผลการศึกษาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ประโยชน์ที่จะเกิดในช่วงการลงทุน ซึ่งน่าจะมีผลกับจีดีพีราว 0.2% และประโยชน์ที่เกิดกับจีดีพีหลังจากดำเนินโครงการแล้วผ่านการท่องเที่ยวและการบริโภคอีกไม่ต่ำกว่า 0.7% เป็น Game Changer ของรัฐบาล ซึ่งตรงนี้คลังมีหน้าที่ทำเรื่องกฎหมาย ก็จะทำอย่างเต็มที่ให้ถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมายก่อนจะส่งกลับไปที่สภาฯ แต่เราไม่มีอำนาจไปชี้ซ้าย ชี้ขวาได้ ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วสภาฯ จะมองไปในทิศทางไหนก็ไม่รู้ เพราะเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะสามารถปรับหรือแก้ไขข้อกฎหมายต่างๆ ให้มีความรัดกุม ให้ดียิ่งขึ้นไป ตรงนั้นก็ต้องยอมรับ