นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ในเดือนตุลาคมได้เป็นจำนวน 146,945 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,935 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.5 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,333 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.6 และในเดือนพฤศจิกายน 2567 จัดเก็บได้เป็นจำนวน 147,694 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.8 และสูงกว่าประมาณการฯ 239 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.2 ส่งผลให้ในภาพรวมกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (เดือนตุลาคม -พฤศจิกายน 2567) ได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6,107 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.1 และสูงกว่าประมาณการ 2,572 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.9
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นให้ผู้อยู่นอกระบบภาษีและผู้อยู่ในระบบภาษีที่ยังเสียภาษีไม่ตรงตามความเป็นจริง ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบ่งชี้ความเสี่ยงของผู้ประกอบการในกลุ่มต่างๆ อาทิ กิจการอุตสาหกรรมการผลิต กิจการซื้อมาขายไป กิจการร้านอาหารและที่พัก เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้อยู่ในระบบภาษีที่ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีถูกต้องครบถ้วนแล้ว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ กรมสรรพากรจะมุ่งเน้นการพัฒนาการให้บริการผู้เสียภาษีที่ดีขึ้นควบคู่กับการนำผู้อยู่นอกระบบภาษีเข้ามาอยู่ในระบบภาษีตามนโยบายของรัฐบาลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี
สำหรับฤดูกาลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2567 ที่จะถึงนี้ กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด 90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 การยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตมีความสะดวก รวดเร็ว และจะทำให้ผู้เสียภาษีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคืนภาษีได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในปีนี้กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบการยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตให้มีการให้บริการ pre-fill ข้อมูลค่าลดหย่อนเพิ่มเติม รวมถึงการเพิ่มการแสดงข้อมูลเงินได้ เช่น เงินปันผลจากกองทุนหรือหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ผ่านระบบ My Tax Account นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับผู้เสียภาษีที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ e-Commerce อีกด้วย