น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภาคใต้ และเตรียมการรับมือฝนหนักสัปดาห์นี้ ที่ ศปช.ได้ออกเตือนแล้วว่ามีฝนจะตกลงมาอย่างหนักในปลายสัปดาห์นี้ เน้นย้ำให้ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ที่ยังมีน้ำท่วมขัง ปภ.ได้สั่งการให้ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเร่งสำรวจความเสียหายของอาคารบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อนำเสนอการเยียวยาต่อไป
ล่าสุดวันนี้ในที่ประชุม ศปช.ได้สั่งการทุกหน่วย ที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ ให้เตรียมพร้อมแผนรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากอีกระลอกในพื้นที่น้ำท่วมเดิม ที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง นราธิวาส ยะลา และนราธิวาส ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ ผอ.ศปช.ได้ย้ำทุกหน่วยเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อพร้อมรับมือฝนตกหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ศูนย์ ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ทั้งเครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน รถบรรทุก รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รวมจำนวน 31 หน่วย ในพื้นที่รับผิดชอบ จ.ชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานอื่นที่พร้อมสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ด้วย เพื่อให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที รวมทั้งเตรียมศูนย์พักพิง ศูนย์อพยพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ฝนที่จะตกเพิ่มทางภาคใต้ ต้องเฝ้าระวังและบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำบางลาง ปัจจุบันมีความจุ 82 % (1,199 ล้าน ลบ.ม.) ระบายน้ำวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. ส่วนจะยังคงการระบายหรือปรับเพิ่ม จะมีความชัดเจนวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) ทั้งนี้ เขื่อนบางลางมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำปัตตานีตลอดสายที่แม่น้ำจะไหลผ่าน ตั้งแต่ อ.บันนังสตา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา อ.ยะรัง และ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้ที่สถานี อ.เมืองปัตตานี ยังเป็นพื้นที่เดียวที่ยังมีน้ำสูงกว่าตลิ่งประมาณ 50 ซม. ฝนที่จะตกเพิ่มตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.เป็นต้นไป คาดระดับน้ำจะเพิ่มอีกประมาณ 15 ซม.ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 9,000 บาทเรียบร้อยแล้ว ร้อยละ 98.45 โดยธนาคารออมสินได้โอนเงินผ่านพร้อมเพย์ซึ่งเงินถึงมือผู้ประสบภัยแล้ว 297,844 ครัวเรือน เป็นเงินรวม กว่า 2,700 ล้านบาท