นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลจากความร่วมมือบูรณาการหน่วยงานภาครัฐในการแก้ไขปัญหาสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่มีคุณภาพ โดยกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้ระเบียบกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อยกระดับ SMEs ไทยและแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งโฟกัส 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เกษตร อุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรม พร้อมการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น ตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดยิบ ทำยอดนำเข้าลด ยอดจับกุมเพิ่ม พร้อมปรับกฎระเบียบธุรกิจออนไลน์ต่างประเทศต้องจดนิติบุคคลในไทย จด VAT ด้วย
จากนโยบายดังกล่าว ทำให้การนำเข้าสินค้าลดลง โดยก่อนมีมาตรการ ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน 2567 มูลค่านำเข้าเฉลี่ย 3,200 ล้านบาทต่อเดือน แต่หลังจากมีมาตรการกรกฎาคม-พฤศจิกายน 2567 มูลค่าการนำเข้าลดลงเหลือเฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือลดลง 20% ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 ล้าน ตั้งแต่ 5 กรกฎาคม-21 พฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 707 ล้านบาท จับกุมสินค้านำเข้าที่ไม่มีมาตรฐาน มูลค่า 506 ล้านบาท เช่น สินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า เสื้อ รองเท้า วิตามิน สินค้าเบ็ดเตล็ด รวมถึงสินค้าต้องห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการออนไลน์จากต่างประเทศจะต้องจดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมีสำนักงานในไทย เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้ รวมทั้งผลักดันให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องจด VAT โดยการปรับปรุงประมวลรัษฎากรกำหนดให้แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าในไทยต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรด้วย
ทั้งนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ รวมถึงมาตรการต่างๆ จะช่วยแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยเหลือ SMEs ให้แข่งขันได้ และดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ต้องเสี่ยงกับการใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันจะผลักดันให้สินค้าไทยมีมาตรฐานสากล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น