วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นางสรารัตน์ รังสิวุฒฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ พ.ต.ท.วิฑูณย์ รังสิวุฒฒาภรณ์ อดีตสามี และ น.ส.ธัญนิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช เป็นจำเลยในคดีวางยาฆ่าผู้อื่นที่ใส่สารไซยาไนด์ ฆ่าเพื่อนชิงทรัพย์ โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พร้อมเรียกค่าเสียหาย จำนวน 30 ล้านบาท
เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า "แอม" จำเลยที่ 1 เห็นเหตุการณ์ขณะ น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย ผู้เสียชีวิตที่บริเวณท่าน้ำตลอด ไม่มีท่าทีตกใจ กระวนกระวาย ผิดวิสัยคนเป็นเพื่อน และไม่ช่วยเหลือทันที แต่กลับเดินไปหยิบของบางอย่างในรถ แสดงให้เห็นเจตนาว่ารู้ลำดับเหตุการณ์จะเกิดอะไรขี้น หากบริสุทธิ์ใจควรช่วยเหลือทันที หรือแจ้งกู้ภัย หรือแจ้งผู้พบเห็นช่วยเหลือ กลับขับรถไปที่อื่น หลบหนีไป ไม่อยู่แสดงตัวในที่เกิดเหตุ
ส่วนตัวอย่างเลือดของผู้เสียชีวิต พบว่ามีสารพิษไซยาไนด์ในร่างกายของผู้ตาย ทั้งเลือด กระเพาะอาหาร ตับ ในระดับรุนแรง ทำให้เกิดอันตราย ส่งผลกระทบต่อโลหิต การหายใจ ระบบประสาท ทำให้ถึงแก่ความตาย
จากการพิสูจน์เรื่องเวลาการออกฤทธิ์ของไซยาไนด์ จากผู้เชี่ยวชาญ เชื่อได้ว่าผู้ตายถูกให้กินไซยาไนด์ตั้งแต่อยู่ในรถและมีอาการก่อนลงรถไปบริเวณท่าน้ำ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ "แอม" จำเลยที่ 1 ยังมีพฤติการณ์โกหกปิดบังซ่อนเร้น มีการขโมยกระเป๋า LV โทรศัพท์ของผู้ตายไปด้วย ซึ่งผิดวิสัยแทนที่จะโทรแจ้งญาติผู้ตาย หรือส่งกระเป๋าคืน กลับเอาขึ้นรถไปและซ่อนเร้นอำพราง รวมถึงมีการซ่อนเร้นขวดสารไซยาไนด์อีกด้วย
อีกทั้งในรถยนต์ของ "แอม" ที่พา "ก้อย" ผู้เสียชีวิตไป พบแคปซูลสีฟ้า และสารพิษไซยาไนด์หลายจุด ทั้งเบาะหน้าซ้าย ประตูหลังคนขับ นอกจากนี้ "แอม" ได้สั่งซื้อไซยาไนด์ มีคำสั่งซื้อกับบริษัท และให้ไรเดอร์มาส่งที่จุดนัดมีรูปถ่ายส่งมอบของเป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า "แอม" มีปัญหาหนี้สิน เป็นหนี้หลายสิบล้านบาท ตรวจพบมีการโอนเงินให้บัญชีม้าพนันออนไลน์ 88 ครั้ง กว่า 93 ล้านบาท หนี้บัตรเครดิต 2 ล้านบาท หนี้สินเชื่อ 3 ล้านบาท และพบพิรุธมีการโอนเงินไปบัญชีม้าพนันทั้งกลางวันกลางคืน และพบว่า มีเหยื่อผู้เสียชีวิตที่รู้จักกับ "แอม" มีจำนวนมากขึ้นผิดปกติในช่วงเป็นหนี้
ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 มีตำแหน่งสูง มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการสอบสวน เป็นไม่ได้ที่จะมีทักท้วงว่าไม่มีความผิด จึงไม่เชื่อว่าจะถูกข่มขู่เซ็นให้การตามคำฟ้อง และมีการให้การด้วยความสมัครใจ อีกทั้งคำให้การจำเลยที่ 1 2 3 สอดคล้องกัน ไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตกแต่งสำนวนปรักปรำ จำเลยที่ 2
ส่วนทนายพัช จำเลยที่ 3 มีเกียรติ ผดุงความยุติธรรม แต่เข้าไปมีส่วนร่วม เกินเลยบทบาทหน้าที่ใช้คำพูดยุยง บงการให้ทำตามคำแนะนำ "ถ้าสู้คดีให้หลุดต้องไม่มีกระเป๋าของกลาง" จำเลยที่ 1 จึงไม่คืนกระเป๋า LV ของกลางให้ตามความบริสุทธิ์ใจ แต่นำไปซุกซ่อนแทนที่จะคืนกับญาติหรือส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เชื่อว่ามีพฤติการณ์กระทำการนอกเหนือบทบาทของทนายความ มีเจตนาชัดเจนชี้แนะซ่อนเร้นพยานหลักฐาน
ศาลวิเคราะห์แล้วว่า พยานหลักฐานต่างๆ ที่จำเลยโต้แย้งมาไม่สามารถหักล้างได้ ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต "แอม" ส่วนอดีตสามี คุก 2 ปี เแต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1ใน 3 คงเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน ขณะที่ "ทนายพัช" คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท