xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง! "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร"คดี"รัชฎา"ฟ้องหมิ่น ปมรับส่วย 9.8 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.824/2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ

โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อ เดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์ โดยกล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ และกล่าวหาโจทก์มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยโจทก์มีคำสั่งโยกย้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว

โจทก์ระบุฟ้องอีกว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์ แล้วกลั่นแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้อง ซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง เข้าพบโจทก์ ขณะเดียวกัน จำเลยได้นำซองกระดาษสีขาว ทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงินจำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ผ่านไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า และค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา

พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ว่าจำเลยมีพฤติการณ์เรียกรับเงิน ตำรวจจึงวางแผนร่วมกันโดยบันทึกภาพธนบัตรจำนวน 98,000 บาท ใส่ซองจำนวน 3 ซอง เพื่อให้จำเลย นำไปมอบให้กับโจทก์ในวันเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ช. และ ปปท. รวมถึงตำรวจ บก.ปปป. สังเกตการณ์อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อจำเลยนำเงินไปมอบให้กับโจทก์และส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงเข้าทำการจับกุมและตรวจค้น พบเงินในซองเอกสาร 3 ซอง จำนวน 98,000 บาท และค้นเจอเงินอีกจำนวนหนึ่งในห้องทำงาน

ขณะที่โจทก์ แย้งว่า การที่จำเลยกลั่นแกล้งสร้างพยานหลักฐานเท็จ เป็นเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองเนื่องจากจำเลยถูกตรวจสอบเรื่องโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดเพชรบุรี ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. เพราะเชื่อว่ามีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม อีกทั้งการเรียกรับสินบนต้องทำโดยปกปิดยากที่จะหาพยานหลักฐานในการตรวจสอบ แม้จำเลยจะเคยมีปัญหาเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวนกับโจทก์ แต่จำเลยได้ไปแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจกล่าวหาโจทก์ให้รับโทษ

ส่วนเรื่องการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ว่าจำเลยจะมีการรวบรวมเงินมาจริง แต่ก็เป็นการวางแผนจับกุมส่งมอบเงิน รับฟังได้ว่ามีเจตนาทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ ไม่ได้มุ่งหมายถึงโจทก์จึงไม่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

ท้งนี้ นายชัยวัฒน์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม หลังศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้ง 4 ข้อกล่าวหา พร้อมเปิดเผยว่า ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่มีมูลความจริงให้ศาลรับฟังได้ เพราะมีการรับเงินจริง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลวันนี้ ทำให้ได้หลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากสิ่งที่โจทก์นำมาเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับ แต่จะขอคัดสำเนาคำพิพากษา เพื่อนำไปยื่นต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม และพร้อมที่จะต่อสู้คดีอื่นๆ ที่นายรัชฎา ฟ้องร้องต่อไป

ทั้งนี้ วันนี้ นายรัชฎา ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ได้มอบหมายให้ทนายมาฟังแทน