นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่3)
เรื่อง เพื่อพิจารณาสั่งการให้รัฐมนตรีซึ่งกํากับดูแลตรวจสอบการกระทําผิดกฎหมาย พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
สิ่งที่แนบมาด้วย 1) เอกสารข่าว จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่1)และ(ฉบับที่2) เรื่อง พิจารณาแก้ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์และหมู่บ้านจัดสรรเพื่อโอนคืนวัดธรรมิการามและเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามกฎหมาย 2) สรุปคำพิพากษาคดี อัลไพน์ 3)บันทึกความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่) 4)บันทึกtimeline ของคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์
ตามที่ได้เคยนำเรียนข้อเสนอประกอบ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจ ในการสั่งการแก้ไขให้โอนคืนที่ดิน924ไร่ ตามพินัยกรรม นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา เพื่อโอนคืนเป็นของวัดธรรมิการามและให้ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามกฎหมาย ในจดหมายเปิดผนึก (ฉบับที่1) และ(ฉบับที่2)แล้วนั้น
บัดนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานานพอสมควรแล้วและยังไม่รับทราบความคืบหน้าในการพิจารณาสั่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จึงขอเรียนเสนอมายังนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อโปรดพิจารณาสั่งการให้รัฐมนตรีซึ่งกํากับดูแลกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีซึ่งกํากับดูแลสํานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตรวจสอบการกระทําผิดกฎหมายพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ. ศ. ๒๕๐๕ ดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และที่ดินจัดสรรหมู่บ้านราชธานี เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับไปเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นที่ธรณีสงฆ์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมาย โดยมีข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริง เสนอเพื่อพิจารณาสั่งการดังนี้
1)ความเห็นของที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้วินิจฉัยว่า ที่ดินที่ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้วัดธรรมิการามวรวิหารเป็นที่ธรณีสงฆ์
ณ ที่ว่าการอำเภอดุสิต จังหวัดพระนครว่า “ต้องการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินสองแปลงที่ตั้งอยู่ที่อําเภอ คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่รวมกัน ๙๒๔ไร่ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร” ซึ่งนับตั้งแต่เมื่อนางเนื่อมฯเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๑๔ วัดฯ ได้เก็บผลประโยชน์จากที่ดินโดยเก็บค่าเช่าทํานามาโดยตลอด ไม่ปรากฏว่าวัดฯได้ทําหนังสือแสดงเจตนาสละมรดกที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด ”ดังนั้นที่ดินตามพินัยกรรมนางเนื่อม จึงตกเป็นกรรมสิทธิของวัดแล้วตั้งแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และผลทางกฎหมายคือ *ที่ดินมรดก924ไร่ ของนางเนื่อมฯตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดฯตามกฎหมายแล้ว ตั้งแต่นางเนื่องถึงแก่กรรม ที่ดังกล่าวจึงเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามกฎหมาย มาตรา ๓๓( ๒)แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
2)การจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้เอกชนคือ การขายให้กับบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และ บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ จำกัด และรายการจดทะเบียนที่สืบต่อกันมา จึงเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น รวมตลอดถึงการดําเนินการที่ได้กระทําต่อมาในภายหลังด้วย
3)การโอนที่ดินที่เป็นโมฆะ จึงตกเป็นอันเสียเปล่าทั้งหมดตามไปด้วย
รายละเอียดตามหนังสือสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร ๙๐๕๑๑๔๒ ลงวันที่๒๗ธันวาคม๒๕๕๓ และคำพิพากษาในศาลอาญาทุจริตและศาลอุทธรณ์ซึ่งคดีถึงที่สุด ให้จำคุกนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 ปี และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ยืนตามความเห็นทางกฎหมายของที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกาที่ต้องยึดมติ ครม. พ.ศ.2482 เป็นหลัก จึงชัดเจนในคำพิพากษาว่าคำสั่งของนายยงยุทธ รักษาปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินขณะนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะไม่มีผลบังคับตั้งแต่เริ่มแรก ผู้รับผิดชอบมีหน้าที่ที่ต้องดําเนินการประกาศความเป็นโมฆะกรรม และต้องเพิกถอนหลักฐานทางทะเบียน
4) นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาล ต้องทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ตามหลักความรับผิดร่วมกัน ซึ่งคณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม และต้องยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ดังนั้น จึงเรียนเสนอมาเพื่อโปรดพิจารณาสั่งการให้รัฐมนตรีที่กํากับดูแล กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีซึ่งกํากับดูแลสํานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เร่งรัดแก้ไขกรณีปัญหาที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารโดยเร็ว ในการดำเนินการให้ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์และที่ดินจัดสรรหมู่บ้านราชธานี กลับไปเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหารเป็นที่ธรณีสงฆ์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมาย ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และคำพิพากษา ซึ่งที่ถึงที่สุดแล้วโดยเร็วต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
นาย สมชาย แสวงการ
อดีตสมาชิกวุฒิสภา 18 พ.ย.2567