พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า แผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี 2568 จะขยายการนำโมเดลการแก้ปัญหายาเสพติดใน 25 จังหวัดต้นแบบ มาใช้กับ 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นซีอีโอ ประสานงานร่วมกับทุกส่วน กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนของแต่ละจังหวัด ทั้งการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่รายย่อย การยึดทรัพย์ การบำบัดฟื้นฟู รวมถึงติดตามการมีงานทำเพื่อให้เลี้ยงชีพได้ไม่กลับไม่เสพซ้ำ โดยปี 2567 ที่ผ่านมา มีทรัพย์ยาเสพติดที่ศาลสั่งยึดทรัพย์กว่า 2,400 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดปัจจุบัน พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น และใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งยาเสพติด ทั้งไอซ์ เฮโรอีน ไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยถูกโดดเดี่ยว ล่าสุดได้พบเลขาธิการอาเซียน จึงหารือเพื่อของบสนับสนุนจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ในการแก้ปัญหายาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำและไทย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เตรียมเปิดปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งยังมีอีก 2-3 ราย แต่ต้องย้ำว่า ป.ป.ส. ต้องเน้นงานเชิงรุกมากขึ้น เพราะแหล่งผลิตยาเสพติดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน พ่อค้ายาเสพติดทั้งคนไทยและต่างชาติก็หลบอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาว และบ้างไปอยู่กับ ผบ.ชนชาติพันธุ์ที่เมียนมา ทำให้ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ออกหมายจับพันเอกจะลอโบ และมีการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกว่า 66 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 หรือ MLAT โดยช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ป.ป.ส. จะมีการจับกุมและเเจ้งข้อหาพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวเมียนมาและชาวไทยบางส่วน รวม 13 ราย ซึ่งพบพิกัดอยู่ใน 5 จังหวัดทางพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมจะตรวจยึดทรัพย์สินไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาทแน่นอน ทั้งนี้ พฤติการณ์ของนักค้ายาเสพติดชาวเมียนมารายนี้มีการเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและเมียนมา มีการข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเกือบทุกประเภททั้งไอซ์ ยาบ้า คีตามีน เฮโรอีน