นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่ารัฐบาลแทรกแซงการบินไทย ด้วยการส่งคนการเมืองเข้าไปเป็นผู้บริหารในคณะกรรมการแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อาจเป็นการครอบงำกิจการของการบินไทย
โดยนายพายุ ระบุว่า การฟื้นฟูกิจการการบินไทยเกิดขึ้นช่วงปี 2563 ในตอนนั้นการบินไทยมีหนี้ 3.32 แสนล้านบาท ถูกยื่นฟ้องล้มละลาย แต่ศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการ ซึ่งมีเงื่อนไขต้องมีการตั้งคณะกรรมการฟื้นฟู 5 คน จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเข้ามาดูแลแผนฟื้นฟูกิจการให้ผ่านการพิจารณาของเจ้าหนี้
ขณะนั้นการบินไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51.03 เปอร์เซ็นต์ เมื่อต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทยต้องขายหุ้นออกเพื่อให้พ้นพันธะทางกฎหมายกับรัฐ ช่วงแรกขายให้กองทุนวายุภักษ์ 1 จำนวน 3.17 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรัฐถือหุ้นการบินไทยน้อยกว่าครึ่ง การบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ สถานะของการเป็น "สายการบินแห่งชาติ"จบลง ขณะที่ปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้น 41.4 เปอร์เซ็นต์
นายพายุ ระบุอีกว่า การเริ่มฟื้นฟูกิจการการบินไทยเกิดขึ้นในรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมีการแต่งตั้งผู้บริหารจากฝ่ายการเมืองเป็นกรรมการแผนฟื้นฟูฯ จนปี 2565 กรรมการแผนฟื้นฟูฯ พ้นจากตำแหน่ง 2 คน เหลือ 3 คน จนถึงปัจจุบัน เหตุใดในตอนนั้น น.ส.ศิริกัญญา จึงนิ่งเฉย ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยการบินไทย แต่กลับมีปัญหาทันทีในรัฐบาลนี้ ที่กระทรวงการคลังเสนอชื่อผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ แทนตำแหน่งที่ว่างลงมานาน 2 ปี โดยคนที่ 1 คือ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร จากกระทรวงคมนาคม คนที่ 2 คือรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ จากกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นข้าราชการที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ตรงกับสายงานการคมนาคมและการบริหารการเงิน ซึ่งมีความเหมาะสม แต่ น.ส.ศิริกัญญา กลับคัดค้านและหาว่าเป็นการแทรกแซงการบินไทย หรือเป็นเพราะทั้ง 2 คนมาจากการเสนอโดยรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย จึงต้องค้านไว้ก่อน โดยไม่ดูความสมเหตุสมผล เลยเถิดจนมาถึงการใช้วาทกรรมเดิมๆ ให้ร้ายรัฐบาล
นายพายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังมีสถานะเป็นทั้ง "เจ้าหนี้ใหญ่" และ "ผู้ถือหุ้นใหญ่" ของการบินไทย จึงสามารถเสนอชื่อได้ ไม่ใช่เป็นเพียง "เจ้าหนี้ส่วนน้อย" อย่างที่ น.ส.ศิริกัญญา ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ทั้งหมดนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์คืนกลับสู่ประชาชนจากการใช้หนี้คืนของการบินไทย
นายพายุ ย้ำว่า การเตรียมตัวออกจากสถานะสายการบินท่วมหนี้ มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญ หากสายการบินจะอยู่ได้ด้วยตัวเองต่อไป ควรได้บุคลากรคุณภาพที่ได้รับการคัดสรรโดยรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เข้ามาช่วยบริหารจัดการในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และตนมั่นใจว่า การประชุมเจ้าหนี้การบินไทยในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ทั้ง 2 บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ จะได้รับการพิจารณาจากเจ้าหนี้แล้วเดินหน้าบริหารจัดการในช่วงรอยต่อนี้เกิดประโยชน์มากที่สุด