นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการ "แอ่วเหนือคนละครึ่ง" โดยยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ภาพรวมของ จ.เชียงใหม่ การใช้จ่ายจากโครงการนี้ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร อาจมาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของการระมัดระวังการใช้จ่าย ร้านค้าร้านอาหารเข้าร่วมโครงการไม่มากนัก รวมทั้งอาจยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่คนอยากจะออกมาจับจ่าย ต้องรอลุ้นช่วงเทศกาลลอยกระทงอีกครั้ง อาจกลับมาคึกคักอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าโครงการ "แอ่วเหนือคนละครึ่ง" ยังไม่ตอบโจทย์ ซึ่งจุดประสงค์หลักจะใช้กระตุ้นจังหวัดที่ประสบอุทกภัย แต่พอทำโครงการจริงๆ กับใช้ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ เชื่อว่ากลุ่มคนที่จะใช้สิทธิน่าจะเป็นคนที่วางแผนจะไปเที่ยวอยู่แล้ว ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า จำนวนเงิน 400 บาท ก็ไม่ได้แรงจูงใจขนาดที่จะทำให้ตัดสินใจไปแน่นอน รวมไปถึงร้านค้าที่หากดูตอนนี้ มีมาร่วมโครงการนี้ประมาณ 500 ร้านค้า หารเฉลี่ยจาก 10,000 สิทธิ จะได้ร้านละ 20 คนใช้ ตกร้านละ 8,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่ถึงด้วย ก็ไม่รู้สึกจูงใจเหล่าร้านค้าเท่าไร พูดง่ายๆ คือ ช่วยได้บ้าง แต่มันไม่อิมแพคในวงกว้าง
นอกจากนี้ มองว่าสิ่งที่น่าจะช่วยกระตุ้นให้คนใช้จ่ายมากกว่า "แอ่วเหนือคนละครึ่ง" คือ ภาครัฐและภาคเอกชนควรจะจัดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดจะอิมแพคได้ดีกว่า เพราะตอนนี้เท่าที่สำรวจดูทุกสายการบินราคาในช่วงปลายปีขยับขึ้นไปค่อนข้างสูงมาก มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนเรื่องค่าอาหาร ที่พัก เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวประเมินความพร้อมของตัวเองไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ปัจจัยหลักที่ไม่สามารถควบคุมได้คือราคาค่าเดินทางโดยเฉพาะตั๋วเครื่องบิน
สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงปลายปี นายศุภมิตร กล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้ตัวเลขการจองห้องพักมาอยู่ที่ 80% แล้ว สาเหตุเพราะทุกคนอยากมาร่วมเทศกาลยี่เป็ง หรือลอยกระทงที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยอดท่องเที่ยวเริ่มไหลเข้ามาเรื่อยเรื่อยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ส่วนตัวเลขจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปี ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เลยหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แม้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวเดือนนี้จะขยับดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ระหว่างทางยังมีหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ต้องดูที่มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาครัฐว่าจะช่วยได้มากขนาดไหน