พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกรณีคลิปเสียงนักการเมือง ส. เรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" ว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนหาข้อมูล เบื้องต้นพบเส้นทางการเงินระหว่าง "บอสพอล" กับแม่นักการเมือง ส. เป็นเส้นทางการเงิน 6-7 แสนบาท ซึ่งทนายความของบอสพอลให้ข้อมูลว่าเป็นเงินทำบุญ แต่ยอดดังกล่าวไม่ถึง 2 ล้านบาทตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงสอบถามไปทางบอสพอล ว่าต้องการดำเนินคดีหรือไม่ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนนอกจากจะไปสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำแล้ว ก็ต้องสอบปากคำลูกข่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีให้จบภายในสัปดาห์นี้
ส่วนเรื่องที่มีพยานเท็จของเพจสายไหมต้องรอด พาดพิงว่าเจ้าหน้าที่ใน บก.ปคบ. เรียกรับเงินจากบอสพอลนั้น เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าประเด็นนี้เป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย โดยทนายบอสพอล บอกว่าจะดำเนินคดีกับทั้งพยานเท็จ และนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในข้อหาหมิ่นประมาท และนายเอกภพ เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาในรูปของคณะกรรมการก่อนว่าจะออกหมายเรียกนายเอกภพ หรือไม่ ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินคดีตามหลักฐานที่พบ ส่วนใครจะให้การอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนกรณีที่บอสพอลระบุว่า มีเทวดาใน สคบ.นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า จากการพูดคุยทราบว่าเป็นการที่บอสพอลสอนลูกน้องว่าทุกสถานที่หรือหน่วยงานต่างๆ จะมีเทวดาดูแล ดังนั้นเวลาไปหน่วยงานไหนให้ไปผูกมิตรผูกสัมพันธ์ มีของขวัญไปฝากกับเทวดาผู้นั้น เพื่อให้การประสานงานสะดวกคล่องตัว แต่ประเด็นเรื่องการเรียกรับเงินนั้น บอสพอล ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนการดำเนินคดีกับนักร้องเรียนหญิง ก.นั้น ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และมีข้อหาที่เข้าข่ายความผิดแล้ว 1 ข้อหา คือ กรรโชกทรัพย์ และตอนนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ตามมาตรา 148 ด้วยหรือไม่ โดยเมื่อได้ความชัดเจนแล้ว ก็จะพิจารณาว่าจะออกหมายเรียกนักร้องเรียนหญิงมารับทราบข้อหา หรือออกหมายจับ