นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 1/2567ภายหลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการติดตามและเร่งรัดมาตรการในการแก้ไขปัญหา ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการ SMEs ของไทย
นายพิชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย โดยเฉพาะสินค้าที่ด้อยคุณภาพและมีผลกระทบต่อประชาชน คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมานี้เป็นการดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน และจะจัดประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามความคืบหน้าและพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่วันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด โดยให้นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุด ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SMEs ไทยและแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ ทำหน้าที่กำหนดมาตรการ ดำเนินการควบคุมและกำกับดูแลการจำหน่ายสินค้า ตลอดจนเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และ คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและป้องปราม รวมถึงสืบสวน สอบสวนหรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินี
โดยเมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ตนได้หารือร่วมกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทางจีนยินดีให้ความร่วมมือ และต้องการรักษาความรู้สึกที่ดีกับไทย และวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ ตนจะเดินทางไปจีน พบกับผู้บริหารระดับสูงของจีน จะได้ปรึกษาหารือกัน เพราะไทยยังต้องพึ่งพาจีนทั้งด้านการค้าและการลงทุน และไทยมีสินค้าหลายชนิดที่ต้องพึ่งพาจีน เช่น มันสำปะหลัง วัว เหล็ก เป็นต้น ซึ่งหวังว่าเรากับจีนจะพึ่งพากันได้และไม่กระทบผู้ประกอบการไทย
โดยวางแผนที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ผ่านกลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน อย่างยั่งยืน ที่จัดตั้งโดยคณะกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย-จีน และสมาคมการค้าวิสาหกิจจีน อีกด้วย ทุกหน่วยงานจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจนแล้วว่า ได้รับการติดต่อจาก TEMU ว่าจะดำเนินจดจัดตั้งบริษัทในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้มีการติดต่อแล้ว ให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวด และจะมีการบังคับใช้กฎหมายที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทย เชื่อว่าภายใน 30 วันจะเห็นผลตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการมา ถ้ามีความกังวลเรื่องอาหารและผักผลไม้ที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เราได้มีการให้ อย. และศุลกากรเข้มงวดเรื่องนี้เช่นกันไม่ต้องการให้สุขภาพของประชาชนมีปัญหา
นอกจากนี้ ผู้แทนของ 4 หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการแก้ไขปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ทางศุลกากรมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ที่มีประเด็นเรื่องสินค้าที่ด้อยคุณภาพ ที่ผ่านมาการนำเข้าที่มีปริมาณเล็กน้อย สมอ.ยินยอมให้นำเข้ามาได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายภายในประเทศ จำเป็นต้องติด หรือมีใบอนุญาตจาก มอก.