นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมพิจารณาคดี ดิ ไอคอน นัดแรก ว่า ได้มีการเชิญกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และตัวแทนผู้เสียหาย มาให้ข้อมูลกับทางกรรมาธิการ
โดยในส่วนของ ปปง. ได้ติดตามเรื่องการยึดอายัดทรัพย์ เบื้องต้นมีการยึดอายัดทรัพย์แล้ว 4 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 240 ล้านบาท ครั้งแรกที่มีการยึดอายัดใช้อำนาจของเลขาธิการ ปปง.ตามกฎหมาย และหลังจากที่มีความชัดเจนในคดีอาญา ทางคณะกรรมการธุรกรรมก็จะมีการประชุมกันอีกครั้ง และจะมีการยึดอายัดเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ ปปง. ได้มีการชี้แจงชัดเจนว่า เส้นทางการเงินทราบหมดแล้วว่าเงินไปทางไหนบ้าง ของใครบ้าง โยกย้ายถ่ายเงินออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ข้อสำคัญคือถ้าหากโยกย้ายถ่ายเงินออกจากบัญชีอีกก็จะเข้าข่ายการฟอกเงิน
ส่วนตำรวจ ปคบ. ขณะนี้มีการโอนคดีไปที่ดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว ดีเอสไอก็สามารถใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ช่วยทำงานได้ ลำพังดีเอสไอเองก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่จำนวนเพียงพอที่จะดูแลคดีที่มีจำนวนมากขนาดนี้
ทั้งนี้ คดีดีไอคอนขณะนี้มี 2 ส่วน คือ คดีอาญา ดำเนินไปโดยดีเอสไอ และอีกส่วนคือ ปปง. ผู้เสียหายจะต้องมาทำเรื่องขึ้นทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์ โดยทาง ปปง. จะแจ้งประกาศอีกครั้ง หลังจากคดีอาญามีความชัดเจน และ ปปง. มีจำนวนการยึดอายัดที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะแยกกันกับคดีอาญา ดังนั้น ประชาชนผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีไว้ ไม่ใช่ว่าจะได้รับการเยียวยาโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับ ปปง.อีกครั้ง
ส่วนผู้เสียหายที่เป็นทั้งแม่ข่าย และถูกบอสพอลแจ้งความว่าเป็นผู้กระทำความผิดด้วย รวมทั้งผู้เสียหายทั่วไปที่มาสมัครเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ไม่สามารถขายของได้ วันนี้ก็ได้มาให้ข้อมูล ตนก็ได้ย้ำไปแล้วว่าอย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป สำหรับผู้ที่เป็นแม่ข่าย บางคนเป็นแม่ข่าย แต่ถอนตัวออกไป 2 ปีแล้ว แต่กลับถูกดำเนินคดี อย่าเพิ่งกังวลไป ต้องรอดูดีเอสไอว่า จะให้คำนิยามของผู้ที่จะเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหาว่าอย่างไร เพราะการเป็นสมาชิกมีหลายชั้น และขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าใครจะเป็นผู้เสียหาย แต่อีกส่วนหนึ่งก็จะถูกกันไว้เป็นพยานเพื่อจะเอาผิดกับผู้ที่เป็นตัวหลักให้ได้
นายเลิศศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปปง. ได้ชี้แจงว่า มีการเตรียมการที่จะขายทรัพย์สินบางอย่าง หรือมีการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเหตุให้ ปปง. เห็นความเคลื่อนไหวนี้ เลขาฯธิการ ปปง. จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน 130 ล้านบาทตามข่าว ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการธุรกรรม แต่ตอนนี้ ปปง. เห็นเส้นทางทางการเงินทั้งหมดแล้ว ซึ่งก่อนที่จะมีเรื่องมีราวขึ้นมาผู้บริหารบางคนก็ได้มีการโยกย้ายถ่ายโอนไว้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนสบายใจได้ วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ครั้งต่อไปจะเชิญสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และดีเอสไอมาชี้แจง เพราะมีประเด็นในเรื่องที่ สคบ. เคยทำหนังสือถึงสำนักงานตำรงจแห่งชาติ เมื่อปี 2561 แต่ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ นี่คือสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้ ขณะนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงและพ.ร.บ. คอมฯ แต่เรื่องความผิดทางพ.ร.บ.ขายตรง ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะ สคบ. ยังไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้มายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะ สคบ. เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายนี้โดยตรง ถ้าหากแสดงความเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะผิด พ.ร.บ.ขายตรงหรือการตลาดแบบตรง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็ต้องรอความเห็นจาก สคบ. เช่นเดียวกัน ดังนั้นความชัดเจนจะมีมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567
นายเลิศศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ข้อสรุปที่ตนอยากได้ คือสรุปแล้วทางดีเอสไอจะกำหนดให้ผู้ที่เป็นผู้ต้องหาหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาคือใครบ้าง ในบรรดาข่ายเครือข่ายของดิไอคอนทั้งหมด เพราะมีหลายชั้น ชั้นระดับไหนถึงจะเป็นผู้เสียหาย ฉะนั้นดีเอสไอจะกำหนดหลักเกณฑ์ว่าอย่างไร หรือจะกันใครไว้เป็นพยาน เอาผิดใครได้บ้าง
ส่วนที่ทางสมาชิกวุฒิสภามีข้อกังวลว่า การนำเรื่องนี้ให้ดีเอสไอไปดำเนินการ จะแล้วเสร็จไม่ทันตามกรอบเวลา อาจทำให้คดีหมดอายุความนั้น นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีการติดตามจากประชาชน และยืนยันว่ากรรมาธิการชุดนี้จะติดตามตลอดจนถึงอัยการสั่งฟ้อง ผู้เสียหายได้รับการเยียวยา ถ้าหากการเชิญหน่วยงานมาชี้แจง 2-3 ครั้งจบ ก็จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาดำเนินการต่อ เพื่อให้ประชาชนและผู้เสียหายมาแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อกันได้ และจะสะท้อนปัญหาให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ส่วนเส้นทางทางการเงินจะไปถึงนักการเมืองหรือไม่ นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า เรายังไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เท่าที่สอบถาม ปปง. ยืนยันว่ารู้เส้นทางอยู่แล้ว ว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง ไม่ต้องห่วงและสบายใจได้ในเรื่องนี้
ส่วนการจับกุมแม่ข่ายในรอบสองนั้น ตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปที่มีการเชิญดีเอสไอ ก็จะมีการเจาะประเด็นนี้ ในส่วนของกรรมาธิการก็จะเดินไปทีละขั้นตอน พร้อมยืนยัน วันนี้ปปง.ชัดเจน ว่าหลังจากที่ได้มีการยึดอายัดทรัพย์ครั้งใหญ่ต่อไป ก็จะอิงกับคดีอาญาไปด้วย ซึ่งทาง ปปง. ได้ยกคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ได้ยึดอายัดทรัพย์ไว้เยอะ สุดท้ายศาลยกฟ้อง ปปง. ก็อาจจะโดนฟ้องกลับได้ ปปง.จึงต้องระมัดระวังในส่วนนี้ ดังนั้นหากคดีอาญาเดินทางไปถึงในจุดที่ คณะกรรมการธุรกรรมมั่นใจและสามารถยึดอาญาทรัพย์เพิ่มเติมได้ ก็จะดำเนินการ แต่ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะมีลอตใหญ่อีก