xs
xsm
sm
md
lg

สธ.สั่งเฝ้าระวังเข้มด่านตรวจคนเข้าเมือง สกัดโรคติดเชื้อนิรนาม หลังพบระบาดในอัฟกานิสถาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าวการแพร่ระบาดของโรคที่ไม่ทราบชนิดในประเทศอัฟกานิสถาน โดยพบว่ามีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 500 ราย เสียชีวิต 2 ราย อาการส่วนใหญ่ คือ อ่อนแรง อ่อนเพลีย ปวดมือและเท้าอย่างรุนแรง ท้องเสียรุนแรง และมีไข้สูงลอยนั้น ทางกรมควบคุมโรคได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ได้แจ้งสายการบินประสานนักบินและลูกเรือที่ทำการบินในเส้นทางใกล้เคียง ให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเองและผู้โดยสาร รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยและใส่ถุงมือขณะจัดเก็บอาหารและเครื่องดื่มของผู้โดยสาร และขณะทำความสะอาดห้องน้ำทุกครั้ง

ส่วนมาตรการการเฝ้าระวังผู้เดินทางที่ช่องทางเข้า-ออก ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต อู่ตะเภา และหาดใหญ่ ให้เฝ้าระวังผู้เดินทางที่มาจากอัฟกานิสถาน หากมีไข้สูงหรือพบผู้เดินทางที่มีอาการเข้าได้กับโรคดังกล่าว ให้รับการคัดกรองเพิ่มเติม ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ เพื่อประเมินอาการและจัดการต่อไป

นายแพทย์ภาณุมาศ เปิดเผยด้วยว่า มีข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์การอนามัยโลกภูมิภาคแอฟริกา (WHO African Region) พบการระบาดของโรคดังกล่าวในหมู่บ้านคาฟชาน อำเภอชินวารี จังหวัดปาร์วัน ประเทศอัฟกานิสถาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเข้าได้กับโรคไข้ไทฟอยด์ และได้ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในศูนย์สุขภาพชุมชนคาฟชาน ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2567 พบผู้ป่วยสงสัย 33 ราย เป็นชาย 13 ราย หญิง 20 ราย ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต โดยผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ภายใต้การรักษาของศูนย์สุขภาพชุมชนคาฟชาน

ทั้งนี้ หากพิจารณาอาการของผู้ป่วยจากรายงานข่าว เห็นได้ว่ามีอาการเข้าได้กับโรคไข้ไทฟอยด์ หรือ ไข้รากสาดน้อย เป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดมานานแล้ว เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ผักสด ผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือก น้ำดื่มที่ไม่สะอาด หรือสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อ

ด้านนายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาการของผู้ติดเชื้อโรคไข้ไทฟอยด์จะมีไข้สูง ร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย อาจมีผื่น ถ่ายเหลวหรือท้องผูก บางรายอาจมีไข้นาน 3-4 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร ลำไส้ทะลุ หรือตับม้ามโต

ส่วนแนวทางป้องกันคือ (1) รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ บริโภคน้ำดื่ม น้ำแข็ง ที่สะอาดได้มาตรฐาน หมั่นล้างมือเป็นประจำ (2) อาหารที่ปรุงสุกแค่ค้างคืน ควรอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง (3) แยกภาชนะสำหรับอาหารปรุงสุก กับวัตถุดิบที่ยังไม่ปรุงสุก (4) ปรับปรุงสุขาภิบาลด้านสถานที่สำหรับการเตรียม ปรุง และประกอบอาหาร ห้องน้ำห้องส้วมควรให้ถูกหลักสุขาภิบาล กำจัดขยะมูลฝอย เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูล เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวันและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์ โดยแนะนำให้ให้ฉีดในผู้ที่จะเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นพาหะของโรค หรือบุคลากรที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422