xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจยอมรับ 2 จำเลยคดีตากใบหนีออกไปต่างประเทศแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เป็นประธาน ซึ่งมีวาระการพิจารณาติดตามผู้ต้องหาคดีตากใบ หลังจากที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ฟ้องและออกหมายจับจำเลย 7 คน และอัยการสูงสุดเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ที่มีคำสั่งส่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน รวมทั้งหมด 14 คน ซ้ำกับจำเลยเดิม 1 คน

ในที่ประชุมได้มีตัวแทนจากคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชิญ ตัวแทนจากโจทก์และตัวแทนผู้ร้องในคดีดังกล่าว คือ นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม มาในฐานะตัวแทนโจทก์ในคดี และได้มีการเชิญ กองทัพบก ผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า สภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 9 และอัยการภาค 9 โดยแต่ละหน่วยงานได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง

นายวิทยา แก้วภราดัย กรรมาธิการ ได้สอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตม. เกี่ยวกับจำเลย 14 รายแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร ตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 9 แจ้งว่าได้มีการส่งหมายจับไปยัง ตม. แล้ว เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลตามหมายจับมีการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ หากตรวจพบก็จะแจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานไปยังตำรวจอินเตอร์โพล

นายกมลศักดิ์ ถามต่อว่า ตม.แจ้งว่า จำเลยทั้ง 14 รายยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศใช่หรือไม่ พ.ต.อ.รังษี เนื่องจากการประชุมวันนี้ไม่ใช่การประชุมลับ นายกมลศักดิ์ ยังคงยืนยันในคำถามเดิม โดยมองว่าเป็นข้อมูลที่น่าจะเปิดเผยได้ ไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าเดินทางออกเมื่อไร ไปที่ใด เพียงอยากรู้ว่ากี่รายเท่านั้น และไม่น่ากระทบกับรูปคดี พ.ต.อ.รังษี จึงชี้แจงเพียงว่ามี 2 ราย แต่ขอสงวนรายชื่อว่าเป็นบุคคลใด

ด้าน น.ส.นิตยา มีศรี สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ สอบถามว่า ระหว่างวันที่ 12 กันยายน ที่ศาลอนุมัติหมายจับ ไปจนถึงวันที่ 20 กันยายน มีการประสานกับ ตม. ถึงการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า ทันทีที่ทราบหมายจับในวันที่ 12 กันยายน ได้ประสานไปยัง ตม.ทันที แต่ ตม.แจ้งกลับมาว่ามีคนเดินทางออกนอกประเทศไปก่อน ที่จะมีการออกหมายจับ 2 ราย

ทั้งนี้ ได้มีการสอบถามต่อถึงกระบวนการเช็คพิกัดของสัญญาณโทรศัพท์ และการติดตามตัว นอกเหนือจากการบุกค้นบ้านตามทะเบียนบ้าน พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่าเราไม่ได้เลือกปฏิบัติ ยืนยันว่าเรามีการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถิ่นที่อยู่ หรือบุคคลใกล้ชิด และไม่ได้มุ่งเรื่องโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ใช้การติดตามข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ทุกอย่าง เชื่อว่าคนร้ายต้องทิ้งร่องรอยไว้อยู่แล้ว เหมือนกับกรณีของแป้งนาโหนด ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้จึงตามได้

ด้านนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนจากกรรมาธิการความมั่นคงฯ กล่าวว่าสิ่งที่ชี้แจงพยายามจะบอกว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยง การไม่ปฏิบัติหน้าที่ แต่สิ่งที่สังคม อยากรู้คือผู้ต้องหาทั้ง 14 รายอยู่ที่ไหน จากข้อมูลที่ตนทราบบุคคลที่หนีออกไปนอกประเทศคนหนึ่งอยู่ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ อีกคนอยู่ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่นใช่หรือไม่ ทางตำรวจได้พยายามติดตามสื่อสารเพื่อขอตัวแล้วหรือไม่

พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 14 หมายจับอยู่ที่ไหน ส่วนที่ถามว่ายืนยันหรือไม่ว่ามีผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโตเกียวประเทศญี่ปุ่นนั้น ถือว่าท่านให้เบาะแส ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องไปยังอินเตอร์โพลเพื่อขอหมายแดงเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พร้อมชี้แจงกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า หลังวันที่ 12 กันยายนที่ศาลนราธิวาส ออกหมายจับโดยหมายศาล แต่วันที่ 20 กันยายน พนักงานสอบสวนไปขอหมายจับจากศาลปัตตานี และวันที่ 21 กันยายนออกหมายจับ ได้มีการเร่งรัด และตามโดยมีเดทไลน์ 25 ตุลาคม 2567 และนำหมายศาลลงไปในระบบครามของตำรวจ

ขณะที่นายคุณากร มั่นนทีรัย สส.พรรคประชาชนในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่าผู้ต้องหาหลายคน รับราชการทหาร ตำรวจ และมีทหาร 3 คน ที่ยังไม่เกษียณราชการ ซึ่งคนเหล่านี้มีนายทหารติดตาม ได้มีการตรวจค้นบ้านพัก หรือติดตามข้อมูล กับบุคคลเหล่านี้หรือไม่ พ.ต.อ.รังษี ยืนยันว่าได้มีการติดตามตรวจสอบทุกขั้นตอน เส้นทางการเงิน รวมถึงการติดตามสอบสวนและติดตามหาข่าว

ด้านนางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้สอบถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้ง Watch List กับผู้ต้องหาหลังจากที่ศาลประทับรับฟ้องคดีนี้เลยหรือไม่ เพื่อติดตามผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย พ.ต.อ.รังษี ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง ตม.ตามระเบียบ แต่ ตม.จะดำเนินการแล้วหรือไม่ เราไม่ทราบแต่ระเบียบมีอยู่ ถ้าเจ้าหน้าที่ผิดพลาดก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ขอให้เข้าใจความหมายนี้ด้วย

จากนั้นนางพรเพ็ญ ในฐานะตัวแทนโจทก์ ได้สอบถามอัยการที่เป็นทนายความให้กับจำเลยที่ 8-9 ตัวแทนอัยการได้ชี้แจงว่ากรณีเจ้าหน้าที่รับเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหา โดยราษฎรฟ้อง อัยการเรามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรับแก้ต่าง โดยไม่ต้องจ้างทนาย ตาม พ.ร.บ.อัยการและพนักงานอัยการมาตรา 14 (4) โดยเหตุผลที่เป็นทนายเพราะจำเลยทั้ง 2 รายสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แต่ผู้ต้องหารายอื่นพนักงานอัยการไม่รับแก้ต่าง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการประชุม นายวิทยา ระบุว่า หลังจากดูชื่อ มาถามตรงนี้ก็ไม่ได้อะไร เพราะคนที่โดนออกหมายจับเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกคนในนี้ยกเว้นอัยการ ที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา แต่ที่เหลือเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาทั้งหมด เรื่องนี้หากจะเดินต่อได้ให้ถามรัฐบาล ถามตรงนี้ไม่มีคำตอบ ต่อให้ตอบ ก็ตอบไม่ถูก บางทีบางคนในนี้ยังไม่รับราชการดี เพราะในผู้ต้องหายศต่ำที่สุดคือผู้ว่าราชการจังหวัด ตอนนี้ก็อายุจะ 80 แล้ว และป่วยหนัก เมื่อพูดจบ นายวิทยา ได้ลุกออกจากห้องประชุมทันที ขณะที่ระหว่างการประชุมห้องประชุมสภาได้มีการเรียกลงมติ ซึ่งที่ประชุมจากหอพักการประชุม แต่ สส.ของพรรคประชาชน และนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม บอกว่าการลงมติใช้เวลานาน จึงขอให้ดำเนินการประชุมต่อ ขณะที่ สส.พรรคอื่นในกรรมาธิการ ได้ลุกออกจากห้องประชุมไปลงมติ โดยในที่ประชุมเหลือเพียง สส.พรรคประชาชน และสส.พรรคเป็นธรรม ที่ดำเนินการพิจารณาต่อ

ทั้งนี้ ในการประชุมญาติผู้เสียหายได้ติดตาม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยกล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมผู้ต้องการให้ได้ทั้งหมด และอยากเห็นและรอความยุติธรรมจากคดีดังกล่าว ขณะที่ทางตำรวจก็ได้กล่าวย้ำว่าเร่งรัดการจับกุมอยู่