นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมีบุคคลสวมใส่ชุดปกติขาว อ้างยศนาวาตรี ถ่ายรูปบริเวณป้ายสำนักประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วนำไปแอบอ้างหาประโยชน์ ว่า ตนเดินทางมาประชุม สมัชชารัฐสภาอาเซียนจึงยังไม่ได้รับรายงาน แต่หลังกลับไปคงต้องตรวจสอบว่ามีการแอบอ้างอย่างไร ซึ่งโดยปกติจะมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว คงจะรู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหนและจะต้องไปตรวจสอบในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารัฐสภาไม่เหมือนกับทำเนียบรัฐบาลหรือหน่วยราชการอื่น เพราะสภาเป็นที่ของประชาชน ที่สามารถมาเยี่ยมชมและพบประธานสภาได้ เนื่องจากประธาน รองประธาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนของปวงชน จึงต้องเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาพบเพื่อยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ หรือเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จึงมีประชาชนมาพบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องของการแอบอ้าง ตนไม่ทราบว่าจะไปแอบอ้างเรื่องอะไร เนื่องจากสภาไม่ได้มีผลประโยชน์ แต่ก็ไม่ควรที่จะวางใจมาก
ประธานรัฐสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะไปดูว่ามีสิ่งใดที่จะต้องกลับไปแก้ไข ในมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย แต่การจะไปเข้มงวดการเข้าออกมากจนเกินไปก็จะกระทบกับประชาชนที่จะมาหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่บางครั้งที่บางชั้นโดยปกติก็ไม่ได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปแล้วเข้าไปยกเว้นมีการมีการขอมาเป็นกรณีพิเศษและมีและมีบัตรให้สามารถผ่านได้
ส่วนจะถึงขั้นยกระดับการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ต้องไปปรึกษาหารือกันเรื่องการดูเรื่องการดูแลสถานที่และความปลอดภัยนั้นมอบหมายให้นายนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งไปดูแล ก็ต้องไปพูดคุยกัน เพื่อออกมาตรการ แต่กระชับแต่จะเข้มงวดเหมือนสถานที่สถานก็มียากส่วนราชการอื่นก็คงยาก เพราะรัฐสภา เป็นสถานที่ที่อยากให้ประชาชนแสดงการแสดงความคิดเห็น และการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการแม้กระทั่งประธานสภาตนก็ไม่ขัดข้องหากแจ้งล่วงหน้าที่จะพบ