นางแสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ดิฉันไม่ชอบทำงานท่ามกลางดราม่า และไม่อยากเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้ เพราะคิดอยู่เสมอว่าชีวิตคนเรามันสั้น เรามีเวลา จงใช้เวลาในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ดราม่าเป็นเรื่องปกติ แต่การใส่ร้ายคนอื่นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
หลายวันที่ผ่านมา ถ้าสังคมจะเห็นประเด็นใส่ร้ายป้ายสีโจมตีต่างๆ นาๆ ต่อตัวดิฉัน จนกระทั่งนักข่าวแทบทุกสำนักต้องมาสอบถามข้อเท็จจริงจากดิฉัน เรื่องดราม่าไม่ใช่มีแค่วันนี้ แต่มันมีมาเกือบยี่สิบปี หลายคนถูกฟ้องและลงข้อความขอโทษทางหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ หลายคนถูกพิพากษาติดคุก บางคนทั้งปรับทั้งจำ บางคนอยู่ระหว่างรอลงอาญา เมื่อมีเวลาดิฉันจะทยอยเอาลงสื่อมาให้สังคมได้รับทราบ แล้วท่านจะได้โยงถูกกับประเด็นดราม่าว่า ต้นตอมาจากไหน
วันที่พวกเราบอบช้ำอย่างหนักจากการสูญเสีย แต่มีการโยงพวกเราจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งบิดเบือนข้อมูลควาญช้าง เพื่อสร้างประเด็นให้เกิดความเข้าผิดต่อสังคม ดิฉันพยายามอดกลั้นอดทน เนื่องจากพวกเรากำลังผ่านเรื่องเลวร้ายมา ควาญหลายครอบครัวที่ไร้ที่อยู่ ต้องไปขออาศัยตามที่ต่างๆ เพราะบ้านพังไหลไปกับน้ำ เราต้องเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือ เพราะบางครอบครัวมีลูกเล็กๆ นอกจากนั้นเรายังมีสัตว์เจ็บป่วยระงม สัตว์จำนวนมากที่ยังต้องไปฝากไว้ที่อื่น เพราะสภาพพื้นที่เข้าไม่ ได้เพราะพื้นที่ยังไม่พร้อม เต็มไปด้วยดินโคลน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า พวกเราต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ ดิฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวที่นี่ ชีวิตเหล่านี้คือความรับผิดชอบ
แต่ประเด็นดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ดิฉันอยากจะให้สังคมวิเคราะห์และตั้งคำถามว่า คนที่เลือกออกมาโจมตีคนอื่นในช่วงระหว่างการสูญเสียนี่ มันมีเบื้องหลังหรือไม่อย่างไร คนที่มีศีลธรรมเขาเลือกที่จะทำอย่างนี้หรือ
ในวันที่พวกเรามีสัตว์ที่รับผิดชอบอยู่หลายพันชีวิต ดิฉันไม่สามารถใช้เวลามาต่อสู้กับคนที่มีแต่ความเกลียดและจิตใจเต็มไปด้วยอคติ
การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผลที่ดีเป็นเรื่องที่รับฟังได้ และดิฉันพร้อมที่จะรับฟังและนำไปแก้ไข แต่เรื่องมีการวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยอคติและไม่เป็นความจริง ดิฉันจำเป็นต้องมาแจ้งความจริงให้สังคมได่รับทราบ ผู้คนที่มาเยี่ยมโครงการของเรา คนไทยจำนวนมากที่มาเยี่ยมน้องช้างในศูนย์ของเรา บางคนมานอนเป็นอาทิตย์ คนเหล่านี้ต่างหากที่เห็นความความจริงในพื้นที่แห่งนี้
การกล่าวหาว่า ที่ศูนย์ช้างเราไม่มีควาญประจำ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าพูดออกมาโดยที่ไม่รู้จริง โครงการของเรามีควาญช้างมากกว่าจำนวนช้างเสียด้วยซ้ำ คนพูดเคยมาเห็นวันที่พวกเราประชุมควาญช้างทุกๆ สองอาทิตย์หรือไม่
เรื่องการขายทัวร์ในวันน้ำท่วมนี่ก็ยิ่งไปใหญ่ โปรแกรม Volunteer ของเรามีการจองล่วงกันมาข้ามปี เราจะมีปฎิทินในเว็บไซต์อย่างชัดเจน และวันที่เราเกิดอุทกภัย เราประกาศแจ้งปิดให้อาสาสมัครและนักท่องเที่ยวได้ทราบในจดหมายข่าวอย่างชัดเจน
ดิฉันขอแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบในตรงนี้ว่า ดิฉันจะไม่เสียเวลามานั่งตอบคำถามดราม่าเหล่านี้อีกต่อไป เพราะดิฉันมีชีวิตของสัตว์นานาชนิดที่รอการช่วยเหลือ และต้องรับผิดชอบ อยากถามกลับคนที่ออกมาวิพากษ์ด่าเทสาดเทเสียดิฉันว่า บ้านคุณมีหมาแก่หมาพิการเลี้ยงเต็มบ้านเกือบร้อยตัวเหมือนดิฉันไหม ถ้าคุณมีคุณจะเข้าใจว่าทำไมดิฉันถึงไม่ให้ค่าความเป็นดราม่าของคุณ บอกตรงๆ ดิฉันไม่อยากเขียนอะไรอย่างนี้ออกมาด้วยซ้ำ เพราะกัลยาณมิตรที่ดีที่อยู่รอบข้างดิฉันต่างบอกว่าใส่ใจ การได้รับความเมตตาจากทุกท่านในวันที่พวกเรามีวิกฤต ทำให้ดิฉันมองเห็นสองด้านของความเป็นคนได้อย่างชัดเจน
ทุกๆ วัน เราต่างมีบทเรียนจากการดำรงชีวิต ความสูญเสียที่เกิดขึ้น พวกเราใจแหลกสลาย และพวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตสัตว์ที่เหลืออยู่ในความดูแลของพวกเราให้ดีที่สุด
ดิฉันขอบคุณคนรักสัตว์ทุกท่านที่เข้าไปตอบช่วยตอบแทนในหลายคอมเม้นท์ ดิฉันเข้าใจดีถึงการที่พวกท่านทนไม่ได้ต่อสิ่งที่บิดเบือนเหล่านั้น แต่ดิฉันอย่างขอร้องทุกท่านว่า อย่าไปตอบโต้ ถ้าท่านรักดิฉัน เราเอาเวลาไปช่วยกันหาทางช่วยเหลือหมาแมวสัตว์ต่างๆ และชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วมกันเถอะค่ะ จะได้ประโยชน์มากกว่า
แต่ข้อมูลไหนที่คิดมันล้ำเส้นเกินไป ขอส่งมาทางอินบ็อกซ์ ดิฉันจะส่งต่อให้กับทีมทนายพิจารณาค่ะ เพราะการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น มีมูลค่าที่ต้องจ่ายเสมอ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้นะคะ
ขอจบดร่ามาในหน้าเพจนี้นะคะ เพราะชีวิตที่เหลือของดิฉันจะทำงานเพื่อสัตว์ที่ไร้เสียงเท่านั้นค่ะ”