xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.เผยมีพื้นที่น้ำท่วม 23 จังหวัด เร่งระดมกำลังให้ความช่วยเหลือ ปชช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วันนี้ (7 ต.ค.) เวลา 13.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 23 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สงขลา และนครศรีธรรมราช รวม 77 อำเภอ 358 ตำบล 1,647 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 66,752 ครัวเรือน ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างต่อเนื่องและเต็มกำลัง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ในระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 7 ต.ค. 67 เกิดสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 44 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ หนองคาย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นคราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง สตูล และสงขลา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 267 อำเภอ 1,149 ตำบล 5,973 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 240,857 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 52 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 28 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 23 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นคราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สงขลา และนครศรีธรรมราช รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 77 อำเภอ 358 ตำบล 1,647 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 66,752 ครัวเรือน

ภาคเหนือ รวม 9 จังหวัด 33 อำเภอ 125 ตำบล 580 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 38,322 ครัวเรือน

1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เมืองฯ อ.แม่ลาว อ.เวียงป่าเป้า อ.เวียงชัย และ อ.เชียงแสน รวม 17 ตำบล 80 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,046 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

2) เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่วาง อ.ดอยหล่อ อ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.แม่แตง อ.เมืองฯ และ อ.สารภี รวม 33 ตำบล 187 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 28,367 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

3) ลำพูน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.ป่าซาง รวม 9 ตำบล 50 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,721 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

4) ลำปาง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเถิน รวม 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 468 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

5) ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตาก รวม 7 ตำบล 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,547 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

6) พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมืองฯ อ.บางกระทุ่ม อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.วัดโบสถ์ รวม 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,749 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

7) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.น้ำหนาว อ.เมืองฯ และ อ.หนองไผ่ รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 115 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมืองฯ และ อ.ศรีสัชนาลัย รวม 20 ตำบล 85 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,239 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

9) นครสวรรค์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 70 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 7 จังหวัด 21 อำเภอ 76 ตำบล 340 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 843 ครัวเรือน

1) อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สร้างคอม รวม 8 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 383 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

2) กาฬสินธุ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ยางตลาด อ.หนองกรุงศรี อ.ท่าคันโท อ.สหัสขันธ์ และ อ.ฆ้องชัย รวม 12 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 68 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

3) ชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.คอนสวรรค์ และ อ.จัตุรัส รวม 12 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 71 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

4) มหาสารคาม เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.กันทรวิชัย อ.โกสุมพิสัย อ.เชียงยืน และ อ.นาเชือก รวม 33 ตำบล 222 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 83 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

5) นครราชสีมา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.โชคชัย และ อ.จักราช รวม 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

6) บุรีรัมย์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.นางรอง อ.ชำนิ และ อ.หนองกี่ รวม 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

7) อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สว่างวีระวงศ์ รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 190 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ภาคกลาง รวม 5 จังหวัด 21 อำเภอ 151 ตำบล 710 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,339 ครัวเรือน

1) สิงห์บุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.อินทร์บุรี อ.เมืองฯ และ อ.พรหมบุรี รวม 4 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 102 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

2) สุพรรณบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เดิมบางนางบวช อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก และ อ.เมืองฯ รวม 27 ตำบล 96 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,195 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

3) อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเศษชัยชาญ อ.ไชโย และ อ.เมืองฯ รวม 14 ตำบล 39 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 545 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

4) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน อ.บางไทร และ อ.บางปะหัน รวม 96 ตำบล 545 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,497 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

5) นครปฐม เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.นครชัยศรี และ อ.สามพราน รวม 10 ตำบล 21 หมู่บ้าน ระดับน้ำทรงตัว

ภาคใต้ รวม 2 จังหวัด 2 อำเภอ 6 ตำบล 17 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 248 ครัวเรือน

1) สงขลา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย รวม 5 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 242 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

2) นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอทุ่งใหญ่ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ทั้งนี้ ปภ.ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์ รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิคแขนยาว เร่งขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจร ฟื้นฟูถนนหนทาง อาคารบ้านเรือนในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด