xs
xsm
sm
md
lg

"พร้อมพงศ์"ยื่น ป.ป.ช.ฟัน"บิ๊กป้อม"ขาดจริยธรรม ปมลาประชุมสภา 84 ครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ซึ่ง ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) และมาตรา 235 (1) และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 87 ตามคำวินิจฉัยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ คมจ.1/2564 และส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร เป็น สส. เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่จากพฤติการณ์การไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร ที่ได้ข้อมูลมาจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร น่าจะลาประชุมเป็นฉากบังหน้า โดยอ้างว่าติดภารกิจถึง 84 ครั้ง จากวันประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง ส่วนในวันที่มีการลงชื่อมาประชุม 11 ครั้ง ก็มีเหตุน่าสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มาเซ็นชื่อในจุดที่สภาฯ กำหนด รวมถึงมีเจ้าหน้าที่รัฐนำบัตรประจำตัวสส.ไปสแกนให้

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า แม้ สส. จะมีสิทธิลา แต่ใครจะลาได้เหมือน พล.อ.ประวิตร ที่ลาทั้งสมัยประชุมสภาฯ ที่สำคัญเป็นการลาที่ผิดข้อบังคับ เพราะไม่ได้ป่วยจริง ไม่มีเหตุสุดวิสัยจริง โดยพบว่า พล.อ.ประวิตร ไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในวันที่ลาประชุม จึงถือเป็นการขาดประชุมโดยน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้า และอยู่ในฐานะแจ้งเท็จต่อประธานสภาฯ พล.อ.ประวิตร จึงเป็นผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์ส่อว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง และกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยยึดประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศชาติ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจะพิสูจน์ว่ามีใครนำสมุดมาให้ พล.อ.ประวิตร เซ็นชื่อนอกบริเวณจุดที่กำหนด หรือมีใครนำบัตรประจำตัว สส. ไปสแกนแทนจริงหรือไม่ ทำได้ไม่ยาก บริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจที่จะเรียกดูได้อยู่แล้ว และงานนี้จะเป็นบทพิสูจน์องค์กรอิสระ ว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม