ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นในรอบ 30 เดือน ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสมทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า
นักวิเคราะห์ประเมินว่าปัจจัยที่บาทแข็งค่ามาจากจากราคาทองคำโลกทำนิวไฮ แตะระดับ 2,669 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ทองคำไทยไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นสูงตามตลาดโลก เนื่องจากบาทแข็งค่า เช้านี้ทองคำแท่งขายออก 41,000 บาทต่อบาททองคำ และเป็นไปตามเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกเข้าสู่ขาลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.50 และตลาดยังคาดหวังเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชุมในเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนออกมาด้วย ส่งผลให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยงการค้าเงิน โดยนักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.25-32.55 บาทต่อดอลลาร์
ด้านธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% สู่ระดับ 6.6% ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repo Rate) ระยะ 7 วัน ลงจากระดับ 1.7% สู่ระดับ 1.5% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (27 ก.ย.)
PBOC ระบุในแถลงการณ์ว่า การปรับลด RRR และปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการปรับนโยบายการเงิน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของจีน ช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านหยวน ให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำไปปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้นและซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่นำออกจำหน่ายเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังเพื่อให้จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยับยั้งการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และให้เร่งบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และปรับลด RRR ตามที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศไว้ในสัปดาห์นี้