นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ความอยากแก้ รธน. 2567 รายมาตรา กำลังเป็นของร้อนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะคำประกาศแก้ไขใน 6 ประเด็นล้วนมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการมุ่งสนองให้ทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์ แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาของบ้านเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทยกำลังถูกดำเนินคดีกระทำการขัด รธน. กรณีไม่เป็นที่ซื่อสัตย์โดยสุจริต ขาดมาตรฐานทางจริยธรรม และครอบงำพรรคการเมือง ดังนั้น จึงต้องแก้ รธน. แต่สวนความรู้สึกของประชาชนย่อมทำให้พรรคร่วมคงคิดมากอย่างหนักที่จะให้ความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเคยเสนอแก้ รธน.โดยจะเลือกตั้ง สสร.บางส่วนมายกร่างใหม่ แต่ทำถ่วงเวลาไว้ เมื่อเกิดปัญหานรกกำลังจะมาเยื่อน กลับเร่งรีบเสนอแก้ รธน.เป็นรายมาตราก่อน เพื่อหวังจะนำไปเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของปัญหาให้เป็นอย่างอื่น
"เมื่อตัวเองรู้ว่าภัยกำลังถึงตัว จึงเสนอแก้ รธน.เป็นรายมาตราเสียก่อนเพื่อเอาให้ตัวเองรอดที่เรียกว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง คิดเป็นอื่นไม่ได้ และความจริงพวกนี้ไม่หลาบจำ เพราะเคยตายกับเรื่องนี้อยู่แล้ว"
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า การแก้ รธน.เร่งด่วนนั้น สะท้อนถึงการรักตัวกลัวตาย จึงต้องทำอะไรอย่างสิ้นคิด ดังนั้น ไม่แน่ใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลและ สว.จะร่วมมือด้วยหรือไม่ เพราะการเสนอแก้ รธน.อย่างเร่งรีบเป็นการเอื้อประโยชน์เพื่อตัวเองของนักการเมือง พรรคการเมือง สภาซึ่งคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ สิ่งสำคัญถ้าจำเป็นต้องแก้ รธน. แล้ว การหลีกปัญหาของตัวเองแล้ว ย่อมไม่มีทางอื่นนอกจากการเลือกตั้ง สสร.มาจัดการแก้ไข
"ดูท่วงทำนองของพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มส่งสัญญาณไม่เห็นด้วย เรื่องนี้จะเป็นปัญหา และความจริงเป็นการควักมือเรียกรถถัง เพราะทันทีที่แก้ไขเรื่องนี้ ม็อบที่ว่าจุดไม่ติดนั้น ก็ลองดูแต่ละคนเก่งนักหนา เสนอแก้ไขมาเลยตามที่ประกาศ 6 ประเด็น ผมต้องการคนแน่คนจริงเช่นกัน เราจะได้พิสูจน์กันว่า ถ้าคุณชนะ ทุกอย่างในแผ่นดินนี้คุณก็เอาไป ถ้าแผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่บ้าง คุณจะจบลงอย่างที่คุณเคยจบ สำรองเก็บเสื้อผ้าไว้ด้วยก็แล้วกัน"
นายจตุพร กล่าวว่า การแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์แห่งตนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ อีกอย่างเมื่ออ้างแต่ไฟเขียวให้ทำอะไรก็ได้แล้ว ก็ทำเลย เรามาพิสูจน์กันว่า ไฟเขียวมีจริงหรือไม่
“สิ่งสำคัญช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เมื่อได้ประโยชน์จาก รธน. 2560 โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แล้ว กลับทำยื้อเวลา ยังไม่กระตือรือร้นเลือกตั้ง สสร.มาแก้ รธน.เลย จน สว.ชุดเก่าหมดวาระไป กระทั่งปัญหามาจ่อคอหอยตัวเองกลับมารีบเสนอแก้ไข รธน.เพื่อตัวเอง”
อีกทั้งกล่าวว่า หากใช้กระบวนการ สสร.มาแก้ รธน.แล้ว ย่อมไม่ถูกกล่าวหาว่าทำเพื่อตัวเอง แต่เมื่อเกิดกรณีนายเศรษฐาขึ้น แล้วถึงปัญหาสนามกอล์ฟอัลไพน์ และมากรณีครอบงำพรรคการเมืองเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงเร่งรีบเสนอแก้ รธน. เพื่อตัวเอง ดังนั้น เมื่ออยากทำก็ทำเลย จะได้พิสูจน์ว่า ไฟเขียวมีอยู่จริงหรือไม่
"การอ้างว่ามีไฟเขียว ทำอะไรก็ได้ จนเกิดความเสียหายกับบ้านเมือง อ้างจนเหิมเกริมเสนอทำบ่อนคาสิโนเป็นนโยบายเร่งด่วน แล้วซ่อนขายแผ่นดิน 99 ปีในโครงการแลนด์บริดจ์กับคอนโดฯ อีกทั้งเจรจาเขตพื้นที่แหล่งพลังงานทับซ้อนทางทะเลซึ่งไม่รู้ว่าผลประโยชน์ตกกับประเทศหรือเปล่า ส่วนเรื่องดิจิทัลก็ไม่รู้เป็นอะไรไปแล้ว หาสภาพเดิมไม่เจอ จนมาถึงความอยากแก้ รธน.เพื่อสนองแก้ปัญหาของตัวเอง เอาเลย เราจะได้พิสูจน์กัน"
อีกทั้งกล่าวถึงกรณีทักษิณ รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ให้ถ้อยคำพร้อมนำเอกสารทุกอย่างกับ ปปช. ครบถ้วนเรียบร้อยแล้วเมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงเป็นสิ่งยืนยันการเดินหน้าเปิดเผยความจริง โดยไม่กลับหลังหัน
ส่วนรายงานของแพทยสภานั้น คาดว่า ภายใน ก.ย.นี้คงเรียบร้อยแล้วนำส่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) อีกอย่างภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดที่ ปปช.ขอจาก รพ.ตำรวจและรูปถ่ายจากราชทัณฑ์จำนวนกว่า 2,100 ภาพนั้น แม้ไม่ส่งให้ แต่จะถูกเล่นงานให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เช่นกัน ดังนั้น ถึงไม่ส่งภาพถ่ายให้ ก็หนีคดีไม่รอดอยู่แล้ว
"คาดว่า เรื่องชั้น 14 ภายในเดือนตุลาคมนี้ คงนำสู่การฟ้องศาลได้ ถัดไปไปภายในเดือนพฤศจิกายนคงได้เห็นหน้าเห็นหลังว่า ผลลัพธ์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพราะความจริงแล้ว ถ้าดูรายงานฉบับเต็ม 2 ฉบับของ กสม.เห็นได้ชัดเจนว่า ไม่เชื่อมีอาการป่วยจนจำเป็นต้องรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจถึง 181 วัน ดังนั้นหากทักษิณไม่รอด อุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ) ย่อมรอดยากอยู่แล้ว"
นายจตุพร เชื่อว่า ประมาณสองเดือนตั้งแต่ ต.ค. ถึง พ.ย. กรณีทักษิณ คงเรียบร้อย ส่วนปัญหาของอุ๊งอิ๊งอาจลามไปสู่เดือนที่สาม คือ ธ.ค. และจะทะลุไปต้นปีหน้าหรือไม่ แต่ตนคาดคำนวนว่าคงเรียบร้อยก่อนตรุษจีนปี 2568 โดยประเมินจากเวลาตามข้อกำหนดของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาการแก้ รธน. มาเป็นตัวเร่งแล้ว ย่อมทำให้สถานการณ์ได้รู้ถึงผลลัพธ์จะรอดช้าหรือเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
อีกทั้งหวังว่า ถ้าประชาชนมีพลังแข็งแรง ร่วมต้านสิ่งไม่ถูกต้องแล้ว เสียงในสภาทั้ง สส.และ สว.ก็เอาไม่อยู่ โดยมีกรณีการเสนอนิรโทษกรรมสุดซอย สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวอย่าง เพราะถูกประชาชนต่อต้านจนต้องขอถอนกฎหมายออกจากสภามาแล้ว
ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยต้องการเสนอแก้ รธน.เพื่อสนองความอยากของตัวเองแล้ว ก็ขอให้อยากไปให้สุดทาง ไปให้สุดซอย ต้องพิสูจน์กันว่า ม็อบจะจุดติดหรือไม่ มาพิสูจน์กันว่า ประชาชนในบ้านเมืองนี้จะมีชีวิตลุกขึ้นปกป้องในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เรามาวัดกันก็เท่านั้นเอง
"ผมอยากจะบอกว่า อย่าได้ถอย ใจกล้าๆ กันหน่อย ถ้าเขา (ทักษิณ) ผ่านสภา ผ่านศาล รธน.ได้ ก็แสดงว่าแผ่นดินนี้ถูกยกให้แล้ว ทำอะไรก็ได้ เราก็ได้พิสูจน์กันเร็วขึ้นว่า ไฟเขียวกันจริงหรือเปล่า ทุกอย่างจะได้สิ้นสงสัย เมื่อกล้าคิด กล้าประกาศแล้วจะเนียมอายทำไม มัวช้าอยู่ไยเดี๋ยวไม่ทัน มีปัญหาจ่อคอหอยอยู่นะ"
#ประเทศไทยต้องมาก่อน