นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการเสนอตัวสมัครเป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชนสิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ว่า กรรมาธิการชุดดังกล่าวเป็นการควบรวมของกรรมาธิการ 2 คณะ ซึ่งส่วนตัวได้เสนอตัวว่าตนมีความสามารถที่จะทำงานตรงนี้ แสดงเจตจำนงเลยว่ามีความสามารถที่จะทำงานได้ในฐานะประธานกรรมาธิการ ทั้งนี้ หากพิจารณาตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ การเลือกประธานกรรมาธิการไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการพิจารณาเพื่อให้คนที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก แต่ถ้าหากใช้วิธีการอื่น ตนก็หนักใจ
นางอังคณา เปิดเผยว่า มีกรรมาธิการในคณะโทรมาบอกให้ถอนตัว เพื่อนบางคนก็ถูกประกบให้ไปเลือกคนอื่น ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย สำหรับวุฒิสภา วุฒิสมาชิกทุกท่านไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำแบบนี้ ส่วนตัวอยากเห็นการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นธรรม โปร่งใส โดยไม่มีวิธีการอื่นที่เป็นการกระทำที่น่าละอายเป็นการกดดันให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องจำยอม และถอนตัว ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนกังวล
นางอังคณา กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวจะได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ได้จะเป็นจะตาย เพราะอย่างไรก็ทำงานอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าได้ก็ทำงาน ไม่ได้ก็ทำงาน แต่การที่จะได้มาขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าควรพิจารณาตามคุณสมบัติความเหมาะสมและความสามารถ
สำหรับภาพลักษณ์ที่ออกไปดูไม่ดี ที่อาจมองว่ามีการแย่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการกันนั้น นางอังคณา กล่าวว่า สว.บางคนบอกว่าไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม ไม่มีเสียงข้างมากข้างน้อย แต่ในทางปฏิบัติความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้ ส่วนตัวเป็นคนกลุ่มน้อยไม่ใช่พวกเขาก็เป็นคนอื่นเราถูกมองแบบนี้มาโดยตลอด อยากให้คุยกันแบบตรงไปตรงมาดีกว่า
ส่วนเรื่องการบล็อกโหวตในชั้นกรรมาธิการจะนำไปสู่การบล็อกโหวตอีกหลายครั้งในอนาคตหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ถ้าจะใช้ระบบคุณธรรมในการพิจารณาทำงาน ความโปร่งใส ก็ต้องตรวจสอบได้ ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต สำคัญมากประมวลจริยธรรมข้อหนึ่งขององค์กรอิสระและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเขียนไว้ ว่า "คนที่จะปฏิบัติหน้าที่ใน องค์กรอิสระหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องทำงานด้วยความกล้าหาญไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ" ส่วนตัวทำงานอย่างตรงไปตรงมาและไม่สบายใจอย่างยิ่งกับวิธีการใดๆที่พยายามจะกดดัน ไม่ว่าจะเป็นตนเองที่โดน หรือคนอื่นที่โดนการกระทำแบบนี้ แม้จะได้เป็นประธานก็ไม่สง่างาม