เกิดเหตุเพจเจอร์จำนวนมากทั่วเลบานอนได้ระเบิดขึ้นพร้อมกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายพันราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมายืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ โดยแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ทราบเรื่องมาก่อน ขณะนี้เรากำลังรวบรวมข้อมูลแบบเดียวกับที่นักข่าวทั่วโลกทำ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
มิลเลอร์ ระบุว่า สหรัฐฯ กังวลเสมอเกี่ยวกับเหตุการณ์ใดก็ตามที่อาจเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเรียกร้องให้อิหร่านอย่าใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ใดก็ตามเพื่อบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมกับย้ำว่าพลเรือนไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของปฏิบัติการใดๆ
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า อิสราเอลใช้เพจเจอร์บอมบ์เพื่อส่งสัญญาณถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ว่า อิสราเอลโจมตีฮิซบอลเลาะห์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามต้องการ การปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความหวาดระแวงในหมู่สมาชิกฮิซบอลเลาะห์ ขัดขวางการรับสมาชิกใหม่ และบั่นทอนความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้นำที่เคยภูมิใจกับการที่ข้อมูลของตนเองไม่ค่อยเป็นที่รับรู้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายฝ่ายมองว่า เหตุการณ์เพจเจอร์บอมบ์ครั้งนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการโจมตีครั้งใหญ่ที่กำลังจะตามมา โดยการโจมตีนี้อาจมีเป้าหมายเพื่อทำลายระบบสื่อสารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ใช้กันทั่วไปก่อนเปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่ จึงควรจับตาดูสถานการณ์ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าอย่างใกล้ชิด
ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ได้จัดการประชุมด้านความมั่นคงหลังเกิดเหตุเพจเจอร์บอมบ์ทั่วเลบานอน เพื่อหาทางรับมือการโจมตีของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการส่งกำลังทหารหรือการยิงขีปนาวุธในเร็วๆ นี้