นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส. พิษณุโลก โดยใช้รูปแบบราชบุรีโมเดลมารวมพลังการเมืองฝ่ายรัฐบาลต่อสู้จนชนะ ดังนั้นพรรคประชาชนต้องปรับรูปแบบการแข่งขันใหม่ให้สอดคล้องกับลักษณะการเมืองที่เปลี่ยนไป
นายจตุพร กล่าวว่า การจัดการแบบราชบุรีโมเดลมาถึงการแข่งขันเลือกตั้งพิษณุโลก คือรูปแบบรุมกินโต๊ะพรรคประชาชน ซึ่งเป็นคำตอบที่เห็นได้ชัดเจนกับการต่อสู้เพื่อให้ชนะเท่านั้น และการจัดการทางการเมืองเช่นนี้จะถูกนำไปใช้ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ และการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่
"การจัดการของพรรคประชาชนต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่พอมีเสียงนิยมจำนวนหนึ่งแล้วบวกกับกระแสนิยมของพรรคด้วย ก็จะพอให้ชนะเลือกตั้งได้ หากผู้สมัครไม่มีคะแนนเป็นของตัวเองแล้ว จะต่อสู้และแข่งขันให้ชนะได้ยาก อีกทั้งจะรักษาพื้นที่เดิมใน 112 เขตเลือกตั้งของตัวเองได้ลำบากอย่างยิ่ง"
อีกทั้งประเมินว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่นั้น การเจรจาของพรรคฝ่ายรัฐบาลเพื่อตกลงส่งผู้สมัครต่อสู้กับพรรคประชาชนทั้ง 400 เขตไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหากเจรจาให้ฝ่ายรัฐบาลส่งคนเดียว พรรคเดียวแล้วรุมช่วยหาเสียงในพื้นที่เฉพาะ 112 เขตที่พรรคก้าวไกลเดิมชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ย่อมเป็นการจัดการเพื่อให้ชนะ และเป็นโจทย์ใหญ่ของพรรคประชาชนที่ใช้ผู้สมัครไม่มีความนิยม อาศัยเพียงกระแสของพรรคเท่านั้นจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่เพื่อรับมือ
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองเป็นการออกแบบเพื่อชนะเลือกตั้งให้ได้ ดังนั้น พรรคประชาชนจะเหนื่อยพอสมควรในการรักษา ส.ส.เขตไว้ และอีกอย่างกลุ่ม 44 ส.ส.ของพรรคประชาชน ที่เคยลงชื่อยื่นร่างกฎหมายแก้มาตรา 112 ถ้าเรื่องไปถึงศาล รธน.ให้พิจารณาเอาผิดจริยธรรม หากศาลรับคำร้องอาจถูกสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ก็เป็นไปได้ ซึ่งส่อแนวโน้มสูญนักการเมืองระดับสำคัญของพรรคครั้งใหญ่อีกระลอก
ส่วนการยื่นคำร้องตรวจสอบอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมต.คนอื่นๆนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้มีหลากหลายเรื่องราว แต่ถ้าเอาผิดได้สักเรื่องเดียวย่อมบรรลุเป้าหมายแล้ว โดยเรื่องหลักของนายกฯ คาดว่าอยู่ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ หากรัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนยื่นตรวจสอบต้องแก้ รธน.ตัดสิทธิการตรวจสอบของประชาชน หรือไม่พอใจก็เล่นงานดำเนินคดีตามกฎหมาย
พร้อมทั้งกล่าวถึงการตั้งบ่อนคาสิโนว่า แม้มีการตั้งทั่วประเทศ 8 แห่งรวมผลประโยชน์แรกเข้าที่ประเทศได้รับตลอด 30 ปี ประมาณ 2.8 แสนล้าน หรือคิดเป็นรายได้ต่อปี 9.3 พันล้าน แต่การท่องเที่ยวทำรายได้เมื่อปี 2566 มียอดเงินสูงถึง 1.8 ล้านล้าน ดังนั้น ถ้าบริหารจัดการการท่องเที่ยวเต็มที่ คาดว่า ช่วง 30 ปีสร้างรายได้ให้ประเทศมากถึง 90-100 ล้านล้าน
"ถามว่าทำบ่อนเพื่ออะไร เพราะการตอบแทนผลประโยชน์ชาติเทียบกันไม่ได้เลย ถ้าบ่อนให้ผลประโยชน์ปีละล้านล้าน ผมก็จะหลับหูหลับตาเชียร์ อีกอย่างเรื่องนี้มีบทเรียนอยู่แล้วเกี่ยวกับเอาหวยมาไว้บนดิน แต่กังขาใช้เงินอย่างโปร่งใสหรือไม่”
นายจตุพร กล่าวว่า รายได้จากการพนัน ไม่ได้นำมาสร้างชาติอะไรเลย เพราะน่าสงสัยมีคนภายนอกได้ผลประโยชน์ อีกทั้งการขายคอนโดฯ และเช่าที่ดินโครงการแลนด์บริดจ์ 99 ปีไม่แตกต่างจากการไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงแหล่งพลังงานทับซ้อนใต้ทะเลกับกัมพูชา ซึ่งคนไทยไม่รู้จะได้ซื้อน้ำมันราคาถูกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม โครงการที่รัฐบาลจะผลักดันเหล่านี้ ล้วนมีคนได้ประโยชน์มากกว่าชาติได้ประโยชน์ ส่วนคนไทยกลับคิดยึดมั่นแต่อะไรก็ได้ หรือขอให้รัฐบาลทำงานก่อน จึงเป็นความคิดเห็นแก่ตัว บ้านเมืองก็อยู่สภาพแบบนี้เรื่อยมา ดังนั้น ประชาชนต้องกล้ายืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของชาติ สิ่งสำคัญต้องไม่ให้เอาประเทศเป็นบ่อนคาสิโน
ส่วนการแจกดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสดนั้น นายจตุพร ถามว่า มันเป็นดิจิทัลตามประกาศหาเสียงไว้อย่างไร แต่เป็นได้แค่การโกหกซ้ำๆ เป็นวันๆ ไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ดิจิทัลยังมีอยู่เพราะจะเป็นทางเปิดไปสู่การขายคอนโด 75% อยู่นาน 99 ปี ซึ่งสิ่งนี้เป็นเป้าหมายของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
#ประเทศไทยต้องมาก่อน