นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงกรณีที่มีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และประชาชนอีกจำนวนมากตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยเฉพาะข้อที่ 22 ที่กำหนดให้เด็กคนหนึ่งมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาล เรื่องอาหาร เรื่องการเจริญเติบโตที่ประเทศไทยจะต้องให้ความคุ้มครองกับเด็กที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยนั้น ว่า ภายใต้ข้อ 22 ที่ประเทศไทยจะต้องให้สัญชาติไทยกับเด็กเหล่านั้น เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนและผิดโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า ในข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ไม่ได้พูดถึงการให้สัญชาติประเด็นนี้แม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เน้นในข้อที่ 22 คือการคุ้มครองดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขาสามารถเจริญเติบโต ทั้งกายและใจตามสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี และที่สำคัญ ข้อที่ 22 นี้ ทั่วโลกได้มีการนำไปประยุกต์ใช้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้าย จากกว่า 100 ประเทศ ที่ให้การรับรองข้อที่ 22 นี้ใช้เวลาเกือบ 40 ปี กว่าจะรับรองข้อบทนี้ แต่ต้องขอย้ำบางท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจะต้องไปดูแลเด็กต่างชาติ เด็กไทยเราไม่ดูแล ซึ่งในกรณีนี้เราดูแลเด็กทุกคน และในทางกลับกัน หากมีคนไทยไปตกระกำลำบากที่ต่างประเทศ ประเทศเหล่านั้น จะต้องดูแลเด็กไทยเช่นเดียวกับเด็กของเขาเช่นกัน แต่ไม่ได้ให้สัญชาติกับผู้ใดโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า ในข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ไม่ได้พูดถึงการให้สัญชาติประเด็นนี้แม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เน้นในข้อที่ 22 คือการคุ้มครองดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขาสามารถเจริญเติบโต ทั้งกายและใจตามสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี และที่สำคัญ ข้อที่ 22 นี้ ทั่วโลกได้มีการนำไปประยุกต์ใช้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้าย จากกว่า 100 ประเทศ ที่ให้การรับรองข้อที่ 22 นี้ใช้เวลาเกือบ 40 ปี กว่าจะรับรองข้อบทนี้ แต่ต้องขอย้ำบางท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจะต้องไปดูแลเด็กต่างชาติ เด็กไทยเราไม่ดูแล ซึ่งในกรณีนี้เราดูแลเด็กทุกคน และในทางกลับกัน หากมีคนไทยไปตกระกำลำบากที่ต่างประเทศ ประเทศเหล่านั้น จะต้องดูแลเด็กไทยเช่นเดียวกับเด็กของเขาเช่นกัน แต่ไม่ได้ให้สัญชาติกับผู้ใดโดยเด็ดขาด