นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า กรณีรัฐบาลปรับลดงบประมาณชำระหนี้แบงก์รัฐ ในงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เปลี่ยนแปลงรายการ โดยโอนย้ายงบประมาณของแบงก์รัฐ 5 แห่ง วงเงิน35,000 ล้านบาท เพื่อกันไว้ในงบกลาง รองรับโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับงบชำระหนี้ ธ.ก.ส. ถูกปรับลด จากเดิม ธ.ก.ส. ขอตั้งงบฯ ชดเชยค่าใช้จ่ายและรายได้จากโครงการรัฐ 59,799 ล้านบาท ก้อนแรกเป็นเงินงบประมาณใช้ในการบริหารจัดการหนี้
นโยบายรัฐ 7 โครงการ วงเงินรวม 31,749 ล้านบาท
ส่วนก้อนที่ 2 เป็นเงินงบประมาณจัดส่งไปให้สำนักบริหารหนีสาธารณะ (สบน.) ใช้บริหารจัดการหนี้ วงเงิน 28,050 ล้านบาท ตัดเหลือเพียงก้อนที่ 2 วงเงิน 28,050 ล้านบาท เพื่อส่งไปให้ สบน. บริหารจัดการหนี้ แม้จะยืดชำระหนี้ออกไป แต่ ธ.ก.ส. ไม่กระทบต่อสภาพคล่อง เพียงเป็นการยืดหนี้ออกไป ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยยังบริหารจัดการได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา โดยเงินปล่อยกู้ในภาคเกตรยังทำได้ตามปกติ มุ่งใช้การตลาดนำการผลิต
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. มุ่งดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ ตามนโยบายรัฐบาล เช่น สินเชื่อ อสม. รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท บอร์ด ธ.ก.ส. ได้อนุมัติขยายเพิ่มเป็นรายละ 5 หมื่นบาท เริ่มวันที่ 9 ก.ย.นี้ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.67 ต่อเดือน ถูกว่าหนี้นอกระบบ สำหรับกลุ่มลูกค้าเกษตรกร ยอมรับว่าเป็นกลุ่มลูกค้า มีความเสี่ยง จากภูมิอากาศ ราคาตลาดโลกผันผวน ไม่มีกำลังสตอกสินค้า จึงต้องใช้เวลายกระดับ ปรับคุณภาพสินค้าเกษตรให้มีความเข้มแข็ง