นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตยางพาราที่หายไปจากตลาดวันละกว่า 150 ตัน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กยท. เร่งเข้าสำรวจความเสียหายของพื้นที่สวนยาง หลังสถานการณ์คลี่คลาย เพื่อเร่งเยียวยาความเดือดร้อนของชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.
เบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่สวนยางที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ พะเยา สุโขทัย รวม 5 จังหวัด จำนวน 18,056 ไร่ ชาวสวนยางได้รับผลกระทบ 718 ราย (30 ส.ค.67) ซึ่ง กยท. จะให้ความช่วยเหลือโดยจัดสรรเงินสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางตามมาตรา 49 (5) กรณีสวนยางประสบภัย ตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ในกรณีสวนยางประสบภัยพิบัติจนเสียสภาพสวน (ต้นยางเสียหาย จนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในคราวต่อไปได้เกิน 20 ต้นในแปลงเดียวกัน) กยท.จะมอบเงินช่วยเหลือรายละ 3,000 บาท
นายสุขทัศน์ ย้ำว่า สำหรับชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ให้รีบแจ้งขอรับความช่วยเหลือจาก กยท.ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ภัยพิบัติสิ้นสุด
พร้อมระบุว่า นอกจากการให้ความช่วยเหลือจากกรณีสวนยางประสบภัยจนเสียสภาพสวนแล้ว กยท. ยังมีเงินทุนให้กู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอีกรายละไม่เกิน 50,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี เพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล ปรับปรุงที่อยู่อาศัย หรือเป็นทุนในการประกอบอาชีพอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กยท. ได้จัดถุงยังชีพแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย อาหารและยา รวมกว่า 800 ชุด น้ำดื่มสะอาด รวม 6,960 ขวด และปัจจัยที่จำเป็นแก่การดำรงชีพ ได้แก่ ข้าวสารถุงละ 5 กก. จำนวน 300 ถุง รวมถึงเครื่องปรุง ผักสด เนื้อสด เพื่อใช้ประกอบการอาหาร และได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ เพื่อมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยนำไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นต่อไป