นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์กระทุ้งให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหาความจริงของนักโทษทักษิณ ชินวัตร เร่งรีบดำเนินการให้เกิดข้อเท็จจริง เพื่อประชาชนจะได้หูตาสว่าง และยึดมั่นกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองเอาไว้ได้
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อกรมราชทัณฑ์มีเจ้าหน้าเฝ้านักโทษทักษิณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ได้เฝ้ากันจริงหรือไม่ และทุก 2 ชม.ต้องถ่ายภาพนักโทษไว้เป็นหลักฐาน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ขอภาพถ่ายกว่า 2,160 รูป แต่กรมราชทัณฑ์ยังไม่ส่งไปให้ เพราะความจริงทักษิณป่วยอยู่ในภาพนี้ รวมทั้งภาพกล้องวงจรปิดของ รพ.ตำรวจ ซึ่งการข่าวว่า ไม่ได้เสียจริง แต่มีบางคนทำท่าให้เสีย
ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โต้กลับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า น้ำหน้าอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาอนุญาตให้เข้าเยี่ยมนักโทษทักษิณได้ อีกอย่างคนประสานงานให้เข้าพบใช้ช่องทางไหน ถ้าเจ้าหน้าที่อยู่หน้าห้องตามระเบียบจริงต้องเห็น และรายงานทุก 2 ชม. แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกไม่เห็นใครเฝ้าเลย แล้วนักโทษอยู่อย่างไรภายใต้ระเบียบการควบคุมตัว
"มันเป็นเรื่องที่ประหลาดที่สุดเพราะ ปปช.ต้องใช้หมายบังคับไปยัง รพ.ตำรวจ ซึ่งแพทย์ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่แล้ว เพราะมีคนได้ประโยชน์เพียงไม่กี่คน บางคนถึงกับบ่นกับตำรวจผู้ใหญ่ว่า อยากลาออกเต็มที ไม่สามารถแบกรับความกดดันนี้ได้"
นายจตุพร กล่าวว่า ที่น่าสนใจคือ รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ไม่เชื่อจะป่วยวิกฤตจริงโดยดูอาการออกจาก รพ.ตำรวจ หลังวันได้รับการพักโทษ เพราะถ้าป่วยวิกฤตจริงต้องไปรักษาที่ รพ.อื่นต่ออีก กลับไม่มีผลการรักษาอีกเลย แต่มีสภาพแข็งแรงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ภาพวันแรกช่วงเข้า รพ.ตำรวจ จะแสดงถึงการปฏิบัติตามระเบียบราชทัณฑ์หรือไม่ ซึ่งจะอ้างเสียไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องการจัดการความปลอดภัยนักโทษ
“ดังนั้น ถ้าทุกฝ่ายทั้ง กสม., ปปช. และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอาจริงกับความเสียหายของบ้านเมือง เพราะกระบวนการยุติธรรมถูกทำลายย่อยยับ มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นในหมู่ประชาชน เราเห็นการปฏิบัติสองมาตรฐานของพวกอภิสิทธิ์ชนได้กัดกินหัวใจผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นไปอย่างเท่ๆ ไม่ติดคุกสักวันในคดีทุจริตคอร์รัปชัน”
พร้อมทั้ง เชื่อว่า ประเทศมีสิ่งที่ดีงามมากกว่าสิ่งชั่วร้าย หากสิ่งชั่วมากกว่าดีแล้ว ประเทศคงอยู่ไม่ถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นจึงหวังการทำหน้าที่ขององค์กรตรวจสอบต่างๆ ว่าเอากันจริงจัง ยิ่งมีบางฝ่ายยืนยันมีภาพวงจรปิดอยู่ในมือครบถ้วนแล้ว ถ้ายังทำงานกันล่าช้า ย่อมเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม ความสงสัยอาการป่วยวิกฤตของนักโทษทักษิณนั้น นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญของปุถุชนหรือวิญญูชนแล้ว เมื่อญาติป่วยหนัก ควรมีคนในครอบครัวไปเยี่ยมถี่ครั้ง แต่กับนักโทษทักษิณ หัวหน้าพยาบาลบอกว่า ญาตินานๆ มาครั้ง ซึ่งผิดวิสัยวิญญูชนพึ่งปฎิบัติให้กำลังใจผู้ป่วยวิกฤต
ถ้าย้อนพฤติกรรมของครอบครัวนักโทษทักษิณ เมื่อครั้งอยู่ต่างประเทศแล้ว ญาติกลับจัดคิวไปหากันได้ แม้จะอยู่ไกลแสนไกลถึงดูไป หรืออังกฤษ สิงคโปร์ ครอบครัวต่างบากหน้าไปหาทั้งสิ้น แต่พอบอกป่วยวิกฤตในไทย นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ กลับมีญาติมาเยี่ยมนานๆ ครั้ง ปล่อยให้เป็นคนป่วยเหมือนคนไข้อนาถา ซ้ำร้ายคนในครอบครัวกลับใช้ชีวิตปกติ ท่องเที่ยวต่างประเทศตามสบาย ซึ่งผิดวิสัยของวิญญูชนพึงปฎิบัติดีชอบ
นายจตุพร ตอกย้ำถึงการพูดบนเวทีวิสัยทัศน์ว่า ทักษิณบอกได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เรื่องพาสปอร์ต ซึ่งศาลยึดเอาไว้ ปัญหาคือ พล.อ.ประยุทธ์ แก้ไขปัญหาพาสปอร์ตอย่างไร ทักษิณใช้พาสปอร์ตสัญชาติไทยหรือไม่ในการเดินทางกลับไทย ถ้าเป็นหนังสือสัญชาติไทยใครออกให้ เพราะคนที่เคยออกให้ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปีแต่รอลงอาญา ดังนั้น ทุกเรื่องจึงเป็นข้อสงสัยหมด
อย่างไรก็ตาม ยิ่ง นายทักษิณบอกได้ใช้โทรศัพย์คนอื่นคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ
“ลองเรียงลำดับช้าๆ ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคการเมืองเข้าไปบ้านจันทร์ส่งหล้าในวันทักษิณ ได้รับการพักโทษ สิ่งนี้เป็นการท้าทายและเป็นใบเสร็จเดียวที่คุยกับ พล.อ.ประวิตรเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลเศรษฐา ก่อนทักษิณกลับประเทศไทยเมื่อ 22 ส.ค. 66”
แล้วไม่เพียงเท่านั้น ทักษิณยังเผยความลับเมื่อสมัยเป็นนายกฯ เมื่อปี 2548-49 ว่า พล.อ.ประวิตร มาขอเป็นประธาน ปปช. แต่ไม่ได้เป็นจึงฝังใจเจ็บเรื่อยมา แต่เรื่องการแต่งตั้งบุคคลใน ปปช.ไม่ใช่หน้าที่ของนายกฯ เพราะไม่มีอำนาจ ดังนั้น จึงแสดงถึงการแทรกแซงองค์กรอิสระและเป็นเรื่องที่ล่อแหลมมาก
นอกจากนี้ นายจตุพร ระบุว่า ทักษิณอธิบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์กับคาสิโนว่า มีคาสิโนเล็กนิดเดียว แต่ไม่ถอดออกจากโครงการใหญ่นี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งเล็กนี้คือหัวใจของแหล่งบันเทิงครบวงจรที่อ้างเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศ
รวมทั้งยังไม่มีใครมาอธิบายความเข้าใจผิดต่อสถาบันกรณีราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ลงทุน 2 แสนล้านตั้งเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มีบ่อนคาสิโนด้วย กลับมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่ปกป้องสถาบันและย้ำอธิบายว่า โครงการบ่อนคาสิโนสนามม้านางเลิ้งไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันเลย
นายจตุพร กล่าวว่า ประชาชนอย่าได้วางใจการเมืองแบบทักษิณ เพราะตลอดเวลาร่วม 20 ปี ประชาชนทุกฝ่ายล้วนถูกหลอก ทั้ง นปช., พันธมิตร, กปปส. และ คปค.ล้มตาย บาดเจ็บ ติดคุกจำนวนมากจากข้อหาคดีอาญากรณีชุมนุมทั้งสิ้น ดังนั้น หากชุมนุมแล้วได้ผลลัพธ์เป็นผสมพันธุ์กันแบบนี้ ใครจะไปร่วมชุมนุมกัน
“ประชาชนไม่ขัดข้องเรื่องสามัคคี แต่ควรเป็นเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่สามัคคีเพื่อได้บ่อนคาสิโน หรือเพื่อขายแผ่นดิน 99 ปีพร้อมคอนโด 75% หรือซุกเช่าที่ดิน 3 แสนไร่ในแลนด์บริดจ์ หรือเอื้อผลประโยชน์พลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนให้กัมพูชา แล้วเราจะก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อไปทำสิ่งโสมมอย่างนี้เหรอ”
อีกทั้งระบุว่า ถ้าต้องการก้่าวข้ามความขัดแย้งกันจริง พรรคเพื่อไทยต้องหาเสียงให้เลือกเพื่อไทยไปจับมือทุกฝ่ายข้ามความขัดแย้ง เมื่อประชาชนเห็นชอบด้วย คงจะไปขัดขวางอะไรไม่ได้ แต่กลับบอกไม่จับมือ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พปชร. ไม่ร่วมกับคณะยึดอำนาจ พวก รปห. แต่เอาเสียง สว. ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ 152 เสียงมาโหวตหนุนให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ แล้วที่บอกไม่จับมือก็จับมือหมด
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่ต้องประณามคือ เพื่อไทยไปชวน ปชป.มาร่วมรัฐบาลได้อย่างไร ถ้าไม่ชวน ปชป. คงมาร่วมรัฐบาลไม่ได้ แต่เมื่อต้องการประโยชน์ เพื่อไทยก็พูดอย่าง ทำอย่างอย่างเหมือนต้องการเสียงเสื้อแดงก็ใส่เสื้อแดง แต่ตั้งรัฐบาลมีอำนาจแล้วก็ใส่เสื้อเหลืองเพื่อเอาตัวรอด จึงเป็นหารหลอกต้มประชาชนรอบวงก็ว่าได้ แล้วบ้านเมืองต้องการแบบนี้หรือไม่?
“ถามว่าเรายอมให้ประเทศเดินไปกับการหลอกลวงกันเช่นนี้เหรอ เมื่อถามก็บอกก้าวข้ามความขัดแย้งต้องการให้ปรระเทศเดินหน้า แต่หลอกประชาชนมาตลอดทาง ยิ่งมาบอกให้คนลืมอดีตเมื่อช่วงหาเสียงเสียอีก พูดแบบนี้ประชาชนกินข้าวหรือเปล่า เมื่อหลอกประชาชนต้องกล้ารับผิดชอบ ต้องมาขอโทษประชาชน”
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า สิ่งที่ไม่ได้หาเสียงไว้กลับเป็นโครงการใหญ่เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น และสิ่งน่าอับอายกับโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย 20 บาททำทันที แต่สุดท้ายกลุ่มทุนได้ประโยชน์กับแนวคิดเวนคืนซื้อกิจการแล้วจ้างให้บริหารต่อ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของทุนและการเมืองล้วนๆ แล้วบอกเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถามว่าเศรษฐกิจของใครได้ประโยชน์ แต่ประเทศไม่มีอะไรเหลือแล้ว
สิ่งสำคัญโดยเชื่อว่า แม้วันนี้ประชาชนทุกฝ่ายอกหัก เจ็บปวด แต่ขอให้มีความพร้อมกันไว้เพื่อดูน้ำหน้าคนรับผิดชอบเอานักโทษกลับเข้าประเทศกันก่อน ยิ่งกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทุกองค์กรตรวจสอบต้องเอาจริงกันได้แล้ว เพราะจะได้ทำความเข้าใจผิดทั้งหลายให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้น แล้วตอกย้ำว่า บ้านเมืองยังมีหลักยุติธรรม ไม่มีข้อยกเว้นกับใครทั้งสิ้น
ส่วนรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ นั้น นายจตุพร คาดว่า จะอยู่ไม่นาน และไม่รอดจากการถูกร้องเรียนที่ทยอยมากล่าวหาหลากหลายกรณีมากขึ้น สิ่งที่น่าห่วงคือ เรื่องสำคัญของประเทศต้องสูญเสียไปแล้วยากจะเอากลับคืนมาได้ เหมือนกับแปรรูป ปตท. จากรัฐวิสาหกิจ เมื่อเสียไปแล้ว จนไม่มีปัญญานำกลับมาเป็นของรัฐได้อีก และแล้วน้ำมันไม่ได้ถูกลงตามการชวนเชื่อไว้
“เราจะยอมให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้เหรอ คนที่มีหน้าที่จัดการจะทำอย่างไรให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะเห็นชัดเจนว่า ทุนมโหฬาร ผลประโยชน์มโหฬาร และอำนาจเริ่มจะมโหฬาร ไม่แยแสไม่สนใจ จัดชุดปฎิบัติไอโอเป็นเรื่องราวในการโจมตีแบบเดิมๆ ด้วยข้อความซ้ำๆ สู้ทุกอย่าง แล้วใครจะคิดว่า คนแบบนี้จะมากอบกู้บ้านเมือง แล้วเราจะฝากบ้านเมืองไว้กับคนโกงเหรอ เราจึงต้องเป็นก้างขวางคอ ไม่ยอมให้ใครเอาแผ่นดินไปขาย 99 ปี ไปทำบ่อนคาสิโนแน่ ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมไว้”
ประเทศไทยต้องมาก่อน