นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“…มติการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือกุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดอนาคตใหม่ให้กับประเทศถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เพราะเป็นการยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กินเวลายาวนานถึง 20ปี
เป็น 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งที่ต่อสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ.แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มเสื้อแดง นำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐระหว่างเดือนตุลาคมปี 2551-พฤษภาคม 2553 ล้มตายกว่า 100 คนและบาดเจ็บเกือบ 3 พันคนมีการรัฐประหารสูญเสียประชาธิปไตยถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557
นับเป็นบาดแผลความขัดแย้งที่กว้างและลึกที่แม้แต่รัฐบาลในอดีตตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์-พล.อ.ประยุทธ์พยายามสร้างความสมานฉันท์ปรองดองก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีใครตอบได้ว่าความขัดแย้งแตกแยกดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
จนกระทั่งเมื่อมีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ(พล.อ.ประยุทธ์)และพรรคพลังประชารัฐ(พล.อ.ประวิตร)ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกแรกที่เปิดประตูการร่วมมือข้ามขั้วระหว่าง 2 ฝ่าย เพื่อยุติความขัดแย้ง
ก่อนที่กุญแจดอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วเมื่อวานนี้ เป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่นและเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ
ผมได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะเรียนรู้ความผิดพลาดทางการเมืองในอดีตอย่าให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิม
ด้วยหลักการสำคัญที่สุดคือการยึดมั่นระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและยึดถือหลักนิติธรรมความซื่อสัตย์สุจริต