นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์เรียกร้องให้ประชาชนทุกฝ่ายสามัคคีรวมพลังขัดขวางการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คาสิโนทำลายไทยกลายเป็นแผ่นดินบ่อนเปิดให้เล่นการพนันได้เสรี
พร้อมทั้งเชื่อว่า คนกลุ่มหนึ่งลงทุนนำนักโทษคนหนึ่งกลับมาตั้งรัฐบาลที่ไร้อนาคตแบบนี้ แล้วยังทำลายกระบวนการยุติธรรมประเทศให้เสียหายย่อยยับ แล้วยังบดขยี้ความรู้สึกประชาชนแหลกราญป่นปี้ ดังนั้น มันจะคุ้มค่ากว่านี้ หากถัดจากนี้ไปจะมีขบวนการจัดการให้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเอากันจริงๆ แล้ว กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตนเชื่อว่ามีภาพถ่ายและเรื่องราวหลักฐานอย่างอื่นครบถ้วน ดังนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ควรเร่งดำเนินการอย่าให้ชักช้า เพราะประเทศอาจเสียแผ่นดิน 99 ปีที่ซุกซ่อนไว้ในโครงการแลนด์บริดจ์ หรือการขายคอนโด 75% ได้
“คนที่มีหน้าที่ทำเรื่องนี้ คุณรู้เต็มอกอยู่แล้ว ตั้งแต่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขา (นักโทษ) เข้าประเทศด้วยการสร้างจินตนาการหลอกมาจัดการก้าวไกล แต่เห็นอยู่แล้วว่า เขาไม่ได้มาจัดการอะไร สิ่งที่เขาจัดการคือชาติ ละเลงความตกต่ำให้ประเทศ กร่อนเซาะทำลายพรรคการเมืองทุกพรรคเละเทะจนศรัทธาเสื่อมย่อยยับกันหมด”
นายจตุพร กล่าวว่า การต่อสู้ทางการเมืองไทยกว่า 20 ปีที่ผ่านมาถึงบัดนี้ มีคนตาย บาดเจ็บ และสูญสิ้นอิสรภาพจำนวนมาก แต่การตั้งรัฐบาลโดยเพื่อไทยเป็นแกนนำตระบัดสัตย์จากชุดนายเศรษฐา ทวีสิน ถึงรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ส่งเทียบเชิญจับมือพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาลผสมได้ทำลายความรู้สึกของประชาชนทุกฝ่ายที่ต่อสู้ เอาชีวิตและเลือดเนื้อเดิมพันกันมา
ส่วนคนที่ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ ที่ผ่านมาแค่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือไปสู่อำนาจ แล้วพวกนางแบก นายแบก ใช้ความกะล่อน ตอแหล ปลิ้นปล้อน อธิบายปกป้อง ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ เห็นผิดเป็นชอบ
“ผมไม่โทษพรรคใดเลย เพราะความมักง่ายและไม่แยแสต่อความรู้สึกของประชาชนจึงนำพาสู่เหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ ดังนั้น อย่าตั้งคำถามเรื่อง ปชป.ร่วมรัฐบาลในขณะนี้ เพราะในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ทั้ง ปชป.และเพื่อไทย ไม่เคยประกาศจะไม่จับมือกัน มีแต่เพื่อไทยสัญญาประชาชนว่า ไม่จับมือกับ รทสช. พปชร. ประกาศไล่หนูตีงูเห่า และจะไม่สมคบคิดกับพวก รปห. แต่ทุกอย่างที่พูด คือคำหลอกลวงทั้งสิ้น”
นายจตุพร กล่าวว่า คำประกาศที่หลอกประชาชนมาลงเสียงให้ แล้วทำตรงกันข้าม โดยอ้างว่าประเทศต้องเดินหน้า แต่ความจริงคนพวกนี้ต้องการเดินหน้าหาผลประโยชน์เท่านั้น เพราะถ้ายึดหลักความถูกต้องกันจริงๆ ต้องไม่ยินยอมตระบัดสัตย์กับการต่อสู้ของประชาชน เพราะมันมีความตายเกิดขึ้นจริง
“สิ่งสำคัญการอ้างความสามัคคี ต้องเป็นความสามัคคีเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ไม่ใช่เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับก็ไปซื้ออำนาจ และอำนาจที่ได้มาเพื่อไปหาผลประโยชน์ ส่วนประชาชนแทบไม่เหลืออะไรเลย แล้วยังอยู่ในฐานะคนอกหัก อีกอย่างประชาชนที่ต่อสู้มามีความตายและสูญเสียอิสรภาพ แม้ชนะหรือแพ้ก็ไม่ได้อะไร ยังเป็นประชาชนเหมือนเดิม ไม่ได้รัฐบาลร่วมกับคนพวกนี้”
นายจตุพร กล่าวว่า การหักหลัง ทรยศ ทำลายระบบพรรคการเมืองยับเยินจนนำไปสู่อำนาจนั้น มีมาตั้งแต่ปี 2548 และ 2557 แล้ว แม้ตนพยายามเตือนมาตลอดว่า ภูมิต้านทานที่แข็งแรงที่สุดคือ ประชาชนและความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารประเทศ แต่การลุแก่อำนาจแบบสุดซอยทำให้ภูมิต้านทานถูกทำลาย เพราะคิดว่าประชาชนเป็นของตาย พร้อมหาเรื่องโกหกใหม่มาได้ตลอด กระทั่งคิดว่า ถ้าสร้างศรัทธาไม่ได้ก็ใช้เงินตราไปซื้อได้ เท่ากับทำลายระบบคุณธรรม
ดังนั้นอย่าไปถามหาว่า วันนี้ใครจะเอาชีวิตเข้าไปแลกเพื่อประชาธิปไตย และประชาธิปไตยเส็งเคร็งแบบนี้ไม่มีใครพร้อมเอาชีวิตไปแลกด้วย แต่ความบัดซบทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองถัดจากนี้ไปในขณะที่กำลังประชาชนเริ่มถดถอยลงเรื่อยๆ ส่วนอำนาจและผลประโยชน์กำลังเบิกบานเข้าครอบครองประเทศ เพราะทุกเรื่องที่เขากำลังทำ มันเป็นสิ่งได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนบุคคลและกลุ่มทุน
“อย่าไปถามหากระแสการเมือง พวกเขาไม่ต้องการความนิยม เขาคิดว่าประชาชนเป็นผักปลา ถึงตายไปก็ไม่เสียดายเพราะตัวเองมีประโยชน์ และจะซื้อหาให้ราคาเท่าไรก็เพิ่มไป แล้วเงินที่ไปซื้อก็ได้จากการปล้นแผ่นดินทั้งนั้น”
อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อประเทศพยายามต่อสู้กับอบายมุขมานาน แต่เรื่องบ่อนคาสิโนในชื่ออินเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กลับอธิบายเป็นการหารายได้เข้าประเทศ ทั้งที่ความจริงคือ ผลประโยชน์เข้าบุคคลและกลุ่มทุน ส่วนความฉิบหายเข้าประเทศมากกว่า
นายจตุพร กล่าวว่า การเอาราชตฤณมัยสมาคม เปิดตัวตั้งอินเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งหมิ่นเหม่ทำให้สถาบันเสียหาย ส่วนการลงทุน 2 แสนล้านบาทขณะที่สมาคมมีหนี้สิน อีกอย่างบริษัทร่วมลงทุนจดทะเบียนแค่ 5 แสนบาท สะท้อนถึงเจตนาชัดเจนว่าต้องการใช้ชื่อสมาคมเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่คนมีหน้าที่รับผิดชอบกลับเงียบ ไม่ออกมาปกป้อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
ส่วนผลประโยชน์ที่ประเทศได้รับแค่ 3 หมื่นล้านจากการลงทุน 2 แสนล้านตลอดสัญญา 30 ปี ทั้งที่ผลประโยชน์ต่อหนึ่งแห่งเป็นล้านล้านจากที่ตั้งต้นทำบ่อนถึง 8 แห่ง ดังนั้น ไทยจะเป็นประเทศบ่อน ดังนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังทำคือการทำลายชาติทั้งปวง
“เมื่อบ่อนใหญ่เกิดได้ บ่อนเล็กก็ยังอยู่ การพนันออนไลน์ยังอยู่ครบ ที่สำคัญเราจะเปลี่ยนประเทศกลายเป็นเมืองการพนัน เพราะทุกอย่างจะเป็นบ่อนขนาดใหญ่และมีมากที่สุดในภูมิภาค ทั้งที่ประเทศมีทรัพยกรเหนือกว่าหลากหลายประเทศ แต่เราเลือกทำลายชาติด้วยวิธีแบบนี้”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าพวกนี้จะมาสร้างชาติอะไรกับเม็ดเงินที่ได้รับจากตั้งบ่อนคาสิโน รวมทั้งคนพวกนี้ยังจะเอาให้ได้กับโครงการคอนโดฯ อสังหาริมทรัพย์อื่นใด 99 ปี ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตแค่แจกเริ่มแรกเป็นเงินสดกลุ่มเปราะบาง ที่เหลือยังแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ดี
“เขาต้องการนำที่ดินคลองเตยมาตั้งบ่อนแหล่งแรก แต่มาติดแค่เป็นที่อยู่ของคนจนที่มีความยากลำบาก แทนที่รัฐจะสร้างคุณภาพชีวิตให้คนจน กลับจะผลักคนจนออกไปเพื่อเปิดทางให้บ่อนเข้ามาในพื้นที่สวยงามที่สุด แล้วขยับไปทำให้ครบเป้าหมาย 8 แห่งทั่วประเทศ ส่วนอนาคตไทยจะกลายเป็นยิ่งกว่าหมู่เกาะเคย์แมน”
อีกทั้งกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนหลักวันนี้ไม่เหลือสภาพอะไรแล้ว แต่คนที่ต่อสู้กันมาก็ไม่ข้ามพ้นความเป็นทาส ทั้งที่สิ่งสำคัญต้องยึดเอาประเทศชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเมื่อคนพวกนั้นสมคบคิดกันได้ในการเข้ามาสู่อำนาจ โดยไม่สนใจความตาย ความสูญเสียของประชาชน ถ้าภาคประชาชนยังมัวบ้าทะเลาะกันอีก ตนคิดว่า เราไม่ควรกินข้าวกันอีกต่อไป
“เมื่อเราต่างฝ่ายต่างถูกหักหลัง เราควรดัดสันดานพรรคที่เป็นแกนหลักของรัฐบาล หากประชาชนสามัคคีกันแล้ว ทุกโครงการที่พวกนี้กำลังทำให้ชาติย่อยยับอับจนทั้งหลายนั้น เราจะร่วมขัดขวางกันได้ และบอกแล้วว่า พรรคอื่นผมไม่โทษ”
นายจตุพร ย้ำว่า สิ่งที่สูญเสียในทุกวันนี้ บัดนี้เราจะทำสิ่งที่ถูกต้องกันได้หรือยัง คำพูดกล่าวอ้างให้โอกาสทำงานก่อนนั้น เป็นการสมยอมปล่อยให้พวกเขาบริหารการทำบ่อน แจกดิจิทัลเอื้อประโยชน์ทุน ขายคอนโดเช่าที่ดิน 99 ปีอยู่อาศัย แล้วยังเฉือนแผ่นดิน 3 แสนไร่ให้ทุนต่างชาติครอบครองเพื่อทำแลนด์บริดจ์ 99 ปีด้วย ทั้งหมดนี้ชาติสูญเสียจากการให้โอกาสพวกเขามาบริหารประเทศ ทั้งที่คนพวกนี้ไม่มีหัวใจประชาชนอยู่เลย
ประเทศไทยต้องมาก่อน