จากสถานการณ์ดินถล่มอุโมงค์คลองไผ่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จนทำให้คนงานติดอยู่ภายในอุโมงค์นั้น
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (28 ส.ค.) ยังพบสัญญาณชีพของทั้ง 3 คนอยู่ภายในอุโมงค์ ถือว่าเป็นข่าวดี ซึ่งทีมกู้ภัยของการรถไฟฯ และมีทีมกู้ภัย Hunan Sunshine จากประเทศจีนอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประเมินว่าจะสามารถช่วยเหลือคนแรกออกได้ในเร็ววันนี้ โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการ ดังนี้
1. ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งรายงานสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัย ให้เป็นไปตามมาตรฐาน แนวทาง มาตรการ ระเบียบ ข้อกำหนด คู่มือการก่อสร้าง และเอกสารที่แนบในสัญญาก่อสร้าง
2. ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตามกฎหมาย เพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือ และแผนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักวิศวกรรม หลักความปลอดภัย และเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้ต้องคำเนินการด้วยความระมัดระวัง ป้องกันการสูญเสียซ้ำซ้อน
3. ตรวจสอบสัญญาจ้างก่อสร้าง ในส่วนของความรับผิดชอบ ประกันภัย รวมทั้งมาตรการเยียวยาให้กับผู้เสียหาย
4. สั่งการผู้รับจ้างและที่ปรึกษาควบคุมงานที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างของ รฟท. ทั่วประเทศ ตรวจสอบความปลอดภัยโครงการก่อสร้าง กรณีพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ให้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการทราบ เพื่อดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัยโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ให้เฝ้าระวังความปลอดภัยเป็นพิเศษโดยใช้มาตรการความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนั้น ยังให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพตามข้อสั่งการข้างต้น แล้วให้รายงานผลการดำเนินงานภายใน 5 วัน หากเกิดข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ให้รายงานต่อ นายสุรพงษ์ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรงต่อไป
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (28 ส.ค.) ยังพบสัญญาณชีพของทั้ง 3 คนอยู่ภายในอุโมงค์ ถือว่าเป็นข่าวดี ซึ่งทีมกู้ภัยของการรถไฟฯ และมีทีมกู้ภัย Hunan Sunshine จากประเทศจีนอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ประเมินว่าจะสามารถช่วยเหลือคนแรกออกได้ในเร็ววันนี้ โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการ ดังนี้
1. ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งรายงานสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัย ให้เป็นไปตามมาตรฐาน แนวทาง มาตรการ ระเบียบ ข้อกำหนด คู่มือการก่อสร้าง และเอกสารที่แนบในสัญญาก่อสร้าง
2. ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตามกฎหมาย เพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือ และแผนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักวิศวกรรม หลักความปลอดภัย และเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้ต้องคำเนินการด้วยความระมัดระวัง ป้องกันการสูญเสียซ้ำซ้อน
3. ตรวจสอบสัญญาจ้างก่อสร้าง ในส่วนของความรับผิดชอบ ประกันภัย รวมทั้งมาตรการเยียวยาให้กับผู้เสียหาย
4. สั่งการผู้รับจ้างและที่ปรึกษาควบคุมงานที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างของ รฟท. ทั่วประเทศ ตรวจสอบความปลอดภัยโครงการก่อสร้าง กรณีพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ให้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการทราบ เพื่อดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัยโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ให้เฝ้าระวังความปลอดภัยเป็นพิเศษโดยใช้มาตรการความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนั้น ยังให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพตามข้อสั่งการข้างต้น แล้วให้รายงานผลการดำเนินงานภายใน 5 วัน หากเกิดข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ให้รายงานต่อ นายสุรพงษ์ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรงต่อไป