พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่ามีประชาชนนำใบคู่มือจดทะเบียนรถปลอม (เล่มทะเบียนรถปลอม) หรือโฉนดที่ดินปลอม มาใช้เป็นหลักประกันการให้กู้ยืมเงิน เบิกเงินเกินบัญชี หรือขอเครดิตด้วยวิธีการอื่น เป็นจำนวนมากซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดและมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับสูงสุด 200,000 บาท
การปลอมแปลงเอกสารทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ แก้ไข ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หากได้กระทำเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้
ผู้ที่ทำเอกสารปลอม มีความผิดฐานทำเอกสารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ เช่น หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาซื้อขาย และสัญญาเช่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาจดทะเบียน และพินัยกรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท
นอกจากนี้ การแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับผู้ที่ใช้เอกสารปลอม กรณีมีการอ้างหรือใช้เอกสารที่ปลอมขึ้นตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้เอกสารปลอม หรือพบเบาะแสว่าที่บุคคลใดรับจ้างทำเอกสารปลอม สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วน 191 และสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง