พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงการดูแลขวัญกำลังใจนักกีฬาในสังกัดกองทัพอากาศในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ครั้งนี้ ว่ามีการดูแลนักกีฬาในสังกัดตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน โดยกองทัพอากาศจัดงานกาล่าดินเนอร์ระดมทุน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากข้าราชการกองทัพอากาศ และบุคคลในวงการกีฬา อย่างคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นอย่างดี สามารถรวมรวบเงินได้ทั้งหมด 1,200,000 บาท โดยก่อนเดินทางไปแข่งขัน ได้มอบเงินให้กับทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทุกคน คนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และระหว่างการแข่งขันทุกแมตช์ จะมีเงินอัดฉีดให้อีกแมตช์ละ 10,000 บาท เมื่อจบการแข่งขัน เงินส่วนที่เหลือได้มอบให้กับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญทอง 200,000 บาท เหรียญเงิน 150,000 บาท เหรียญทองแดง 100,000 บาท รวมทั้งนักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญรางวัลและผู้ฝึกสอน อีกรายละ 20,000 บาท
ส่วนการปูนบำเหน็จในด้านการรับราชการ มีคณะกรรมการของกองทัพอากาศพิจารณา โดยรองเสนาธิการทหารอากาศ สายงานกำลังพล ได้ประชุมหารือเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ติดยศทหาร แต่มีวุฒิปริญญาตรี จะเลื่อนยศให้เป็นเรืออากาศตรี ส่วนกรณีของนายนายวีรพล วิชุมา หรือ เวฟ ที่ยังไม่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี เมื่อสำเร็จการศึกษา ก็จะเลื่อนยศให้เป็นเรืออากาศตรีในภายหลัง ขณะที่ เรืออากาศโทหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ เทนนิส ที่ได้รับเหรียญทอง ก็จะทำเรื่องขอพิจารณาไปยังกระทรวงกลาโหมให้เลื่อนเป็นเรืออากาศเอก เพื่อเป็นการตอบแทนความสามารถของนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับกองทัพอากาศ นอกจากนี้ นักกีฬาในสังกัด ก็พร้อมจะดูแลฝึกสอนให้กับเยาวชน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นต่อๆ ไป
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ระบุว่า กรณีการขอเลื่อนชั้นยศเป็นพิเศษของเทนนิสนั้น ถือว่าอยู่ในเงื่อนไขของคณะกรรมการฯ เนื่องจากได้รับเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และตัวของเทนนิสก็มีความเป็นทหารอากาศสูงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพอากาศภูมิใจ และพร้อมสนับสนุน
ส่วนกรณีที่อาจมองว่า กองทัพอากาศดูแลนักกีฬาเป็นอย่างดี ให้อาชีพที่มีความมั่นคงและน่าภาคภูมิใจเช่นนี้ อาจทำให้นักกีฬามีความต้องการเข้ามาสังกัดกับกองทัพอากาศมากขึ้นหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศมีหลักเกณฑ์อยู่ ว่านักกีฬาที่ต้องการจะมาเข้าสังกัดนั้นมีผลงานระดับไหน ได้รับรางวัลมาอะไรบ้าง และจะต้องผ่านกระบวนการคัดเลือก
พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยืนยันว่าทุกคนเมื่อสวมเครื่องแบบกองทัพอากาศแล้ว ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของกองทัพอากาศ ซึ่งกองทัพอากาศจะต้องให้ความสำคัญในการดูแลกำลังพลทุกระดับ ทุกชั้นยศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และให้เกิดความภาคภูมิใจ ทั้งในการปฏิบัติภารกิจ และในการเป็นตัวแทนของประเทศชาติไปแข่งขันกีฬา