พระธรรมวชิโรดม (พล อาภากโร) เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม เจ้าคณะภาค 6 ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการศูนย์ควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศ.ต.ภ.ครั้งที่ 16 / 2567 ได้มีการพิจารณาเรื่องการขอต่ออายุหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของพระภิกษุสามเณรผู้ปฏิบัติศาสนกิจและพำนักอยู่ในต่างประเทศ เนื่องด้วยเมื่อปี 2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก เป็นเหตุให้พระภิกษุสามเณรผู้ปฏิบัติศาสนกิจและพำนักอยู่ในต่างประเทศไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อขออนุญาตทำหนังสือเดินทางได้
ศ.ต.ภ.ในคราวประชุมครั้งที่ 23 / 2563 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติให้ออกหนังสือเดินทางเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายแก่พระภิกษุสามเณรผู้ปฏิบัติศาสนกิจและพำนักอยู่ในประเทศอื่น โดยมีกำหนด 5 ปี และได้ถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การขอต่ออายุหนังสือเดินทางเป็นกรณีพิเศษจะมีแนวทางปฏิบัติประการใด จึงได้มีการเสนอต่อที่ประชุม ศ.ต.ภ. เพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศ.ต.ภ. พิจารณาแล้วมีมติอนุมัติให้อนุโลมตามมติคณะกรรมการ ศ.ต.ภ.ครั้งที่ 23 / 2563 เรื่องอนุมัติให้ออกหนังสือเดินทางแก่พระภิกษุสามเณรผู้ปฏิบัติศาสนกิจและพำนักอยู่ในต่างประเทศเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายมีกำหนด 5 ปีต่อไป กล่าวคือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปพระภิกษุสามเณรที่ได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติศาสนกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สามารถดำเนินการขอต่ออายุหนังสือเดินทางในประเทศนั้นๆ ที่พำนักอาศัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทย
ศ.ต.ภ. เป็นหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติการขออนุญาตทำพาสปอร์ต หรือ หนังสือเดินทางไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร กรณีในการไปต่างประเทศมีดังนี้ 1. ไปสอนพระปริยัติธรรมหรือสอนพระพุทธศาสนาในถิ่นอันควร 2. ไปศึกษาวิชาอันไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยและสมควรแก่สมณวิสัย 3. ไปนมัสการปูชนียวัตถุและปูชนียสถานเป็นหมู่คณะตามที่คณะกรรมการ ศ.ต.ภ. เห็นสมควร 4. ไปบำเพ็ญกุศลทอดกฐินหรือผ้าป่าตามเทศกาล 5. ไปเยี่ยมพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ หรือญาติชั้นบุพการี หรือญาติอื่นใด ตามที่คณะกรรมการ ศ.ต.ภ. เห็นสมควร และ 6. ไปกิจนิมนต์ตามที่คณะกรรมการ ศ.ต.ภ. เห็นสมควร