นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากปัจจุบันพบว่าเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนกำลังนิยมใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ลักลอบผลิตหรือจำหน่ายมีการดัดแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความน่าสนใจหรือผสมยาเสพติดประเภทอื่นเข้าไปในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย ทำให้เกิดอันตราย ต่อสุขภาพของเด็ก เยาวชน และประชาชนเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการป้องกันสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า
กรมศุลกากร โดยนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้เข้มงวดกวดขันในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิด ด้วยการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง เด็ดขาด และต่อเนื่อง รวมถึงบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ในช่วงวันที่ 1-15 สิงหาคม 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ด่านศุลกากรสงขลา ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปรามลงพื้นที่เข้าตรวจค้นพัสดุในบริษัทขนส่งเอกชนจังหวัดสงขลา ผลการตรวจค้น พบบุหรี่ต่างประเทศ 780,000 มวน มูลค่า 3,900,000 บาท บุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 3,960 ชิ้น มูลค่า 680,000 บาท และบารากู่ จำนวน 70 กิโลกรัม มูลค่า 70,000 บาท รวมมูลค่า 4,650,000 บาท ซึ่งบุหรี่ต่างประเทศมิได้ปิดอากรแสตมป์และไม่ปรากฏหลักฐานในการนำเข้าหรือผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าและบารากู่เป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า
สำหรับสถิติในการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า เข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 15 สิงหาคม 2567 มีดังนี้ บุหรี่ จำนวน 1,731 คดี มูลค่า 176,554,369 บาท และบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า จำนวน 326 คดี มูลค่า 86,848,105 บาท รวมทั้งสิ้น 2,057 คดี ปริมาณ มูลค่า 263,402,474 บาท