นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ทักษิณพาลูกเสี่ยงคุก
หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร นัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพูดคุยเรื่องการเสนอตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และได้ทุบโต๊ะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมทั้งด้านสุขภาพ และจุดยืนทางการเมืองเรื่องประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จนทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ เคลื่อนไหวสนับสนุนคุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
การเสนอตัวนายชัยเกษม นิติศิริ และคุณอุ๊งอิ๊ง ต่างก็มีจุดอ่อนทางการเมืองที่แตกต่างกัน คุณชัยเกษม อาจจะถูกโจมตีเรื่องเคยแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาก่อน จึงทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคออกมาประกาศจุดยืนว่า พร้อมยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย แต่ต้องไม่แก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นการกดดันหรือปฏิเสธชื่อของนายชัยเกษม นิติสิริ ทางอ้อม เพื่อหวังจะให้พรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนตัว
ในที่สุดที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย และกรรมการบริหารพรรค ก็เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งคุณอุ๊งอิ๊งก็มีจุดอ่อนในเรื่องวุฒิภาวะทางการเมือง ความรู้ความสามารถ ขาดประสบการณ์ และการผิดคำพูดสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ตอนหาเสียง จนสื่อโซเชียลนำมาล้อเลียนกันอย่างกว้างขวาง และเชื่อว่าถ้าหากนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยดันผลักดันให้คุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกคนต่อไป จะมีชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าคุณทักษิณตัดสินใจจะเสี่ยงที่จะเอาลูกสาวคนโปรดมาเสี่ยงคุก ก็ต้องยอมรับจิตใจของผู้เป็นพ่อ ที่ยอมผลักดันให้ลูกไปเสี่ยงคุกเพื่อแลกกับอำนาจทางการเมืองของตัวเอง
นับจากนี้ไป ก็ต้องรอดูเกมทางการเมืองของฝ่ายอนุรักษ์นิยม จะพลิกแพลงไปในทิศทางใด การออกมาแถลงจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐรวมถึงพรรคภูมิใจไทย ประกาศสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าเกมนี้คุณทักษิณกำลังขี่คอฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนต้องยอมศิโรราบต่อระบอบทักษิณ สร้างความเจ็บปวดให้มวลชนคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณอย่างคับแค้นใจ ที่เห็นหัวขบวนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยอมเป็นเบี้ยล่างให้กับระบอบทักษิณ โดยไม่คิดจะต่อสู้หรือคัดค้านใดๆ เลย
อย่าลืมว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง ที่นำมาต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมืองกัน โดยไม่เห็นหัวประชาชน