นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ไม่มีความขื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากการเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีการร้องเรื่องมาตราฐานทางจริยธรรมในชั้นของ ป.ป.ช. ด้วย ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับกรณี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ป.ป.ช. ก็จะต้องขอคัดคำวินิจฉัยเพื่อมาประกอบการพิจารณาในชั้นของ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการไต่สวนเพราะต้องรอคำวินิจฉัยก่อน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบในการพิจารณาของ ป.ป.ช. ส่วนจะทำให้ไวขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ตนไม่ขอก้าวล่วง
เลขาธิการ ป.ป.ช.เชื่อว่า แม้นายเศรษฐา จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่เป็นอุปสรรคยุ่งยากในการตรวจสอบ และคิดว่านายเศรษฐา พร้อมชี้แจ้งอยู่แล้ว เช่นเดียวกับที่ชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนระยะเวลาของการไต่สวนขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง บางเรื่องเราสามารถไต่สวนได้ภายใน 1 ปี เพราะ ป.ป.ช. จะต้องพิจารณาคดีจริยธรรมว่าร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ก่อนที่จะส่งศาลฎีกาไปตามกฎหมาย ยืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากมีการร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาจึงต้องไปทีละขั้นตอน เพราะหาก ป.ป.ช. วินิจฉัยไปก่อนแล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปอีกทาง ผลก็จะตรงกันข้ามกัน ดังนั้นทุกอย่างจะค้องนำมาประกอบกันก่อนวินิจฉัย เพราะศาลถือเป็นองค์กรสุงสุด
เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า คดีนี้ ป.ป.ช. จะต้องไปดูมาตราฐานทางจริยธรรมที่กำหนดไว้และต้องตีความ เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดที่เขียนไว้ชัดเจน ดังนั้นต้องดูว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข้อใดของประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และต้องดูว่าข้อนั้นเป็นเรื่องจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
ทั้งนี้ เลขาธิการ ป.ป.ช. ขออย่ามองว่า เป็นเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะต้องถูกสาธารณชน หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบ แสดงว่าทุกคนพร้อมที่จะให้ตรวจสอบเมื่อก้าวเข้ามา
ส่วนคดีอื่นของนายเศรษฐา เช่น คดีกล่าวหาแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยมิชอบ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม หลังมีการเสนอเข้ามาเพื่อให้มีการไต่สวน แต่ที่ประชุม ป.ป.ช. เห็นว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสูง เป็นผู้บริหารระดับประเทศ การดำเนินการต้องรอบคอบ ชัดเจน ก่อนจะเสนอมาในชั้นของคณะกรรมการ ดังนั้นเมื่อยังไม่ชัดเจนก็ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นข้อกฎหมาย