นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผ่านไปแล้วสำหรับ 1 เหรียญทอง 3เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดงของทีมนักกีฬาไทย ผมขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับ เทนนิส พาณิพัค วงศ์พัฒนกิจ, วิว กุลวุฒิ วิทิตศาสนต์, ฟ่าง ธีรพงษ์ ศิลาชัย, เวฟ ธีรพล วิชุมา, บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง และออย สุรจนา คำเบ้า ที่นำเหรียญจากโอลิมปิกกลับมาฝากคนไทย นำมาซึ่งความสุข และความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคน ไม่เพียงแต่ผู้ที่ได้เหรียญกลับมา ผมอยากขอบคุณ และให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนที่ไปแข่งโอลิมปิกครั้งนี้ในฐานะตัวแทนของชาติไทย ทุกคนได้ทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ และพวกคุณคือความภูมิใจของคนไทยครับ
กว่าจะมาถึงวันที่นักกีฬาแต่ละคนได้ไปโอลิมปิก กว่าจะมาถึงวันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสำเร็จ ผมรู้ว่าแต่ละคนได้อุทิศตนให้กับการฝึกซ้อม ฝึกฝน ระเบียบวินัย น้องเทนนิสต้องรักษาน้ำหนักไว้ที่ 49 กก. กับร่างกายที่บาดเจ็บไปทุกจุด ไม่เคยได้กินอะไรตามใจปาก ไม่เคยมีชีวิตวัยรุ่น และคนอื่น ๆ ก็คงไม่ต่างกันกับการต้องแลกความสำเร็จนั้นมาด้วยเหงื่อ น้ำตา และความท้อแท้อีกนับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่ต้องพูดถึง พ่อแม่ ครอบครัว ที่ต้องลงทุนลงแรงไปขนาดไหนกว่าจะสร้างนักกีฬาระดับโลกมาได้สักหนึ่งคน
นอกจากการสนับสนุนการสร้างนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมของประเทศด้วยการให้เงินรางวัลในยามที่รุ่งโรจน์แล้ว ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมองเรื่อง เส้นทางอาชีพของนักกีฬาหลังจากที่พวกเขารีไทร์จากการแข่งขันด้วย และไม่เฉพาะนักกีฬาที่ได้เหรียญ หรือแชมป์ การกีฬาแห่งประเทศไทยต้องมองการสร้างอาชีพให้นักกีฬาด้วย ให้พวกเขาได้ต่อยอดเป็นโค้ช โปรโมเตอร์ ผู้จัดการทีม เทรนเนอร์ เจ้าของโรงเรียนกีฬา เป็นดีไซเนอร์ออกแบบชุดกีฬาร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ หรือก้าวไปเป็นโค้ชให้กับทีมในต่างประเทศ ทำงานในระดับอินเตอร์ฯ ได้
ที่สำคัญเราทุกคนรู้ดีว่าเบื้องหลังนักกีฬาหนึ่งคน มีทีมงานอยู่ข้างหลังอีกหลายชีวิต ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์การกีฬา นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ ผมอยากฝากให้การกีฬาแห่งประเทศไทยและทุกคนในวงการกีฬาบ้านเราเห็นความสำคัญและการพัฒนาบุคลากรที่อยู่เบื้องหลังและอยู่รายล้อมนักกีฬาเหล่านี้ด้วย เราต้องมองการพัฒนาวงการกีฬาภาพรวมมากกว่ามองเฉพาะตัวนักกีฬาที่อยู่ในสนามแข่ง
หัวใจของกีฬาคือ “ทีม” และข้างหลังของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จทุกคนคือทีมที่ยอดเยี่ยมครับ