นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำกิจกรรมของพรรคก้าวไกลหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกลที่อาจมีข้อกังวลเรื่องการปลุกระดมมวลชน ว่า ไม่น่าใช่การปลุกระดม และเชื่อว่าพรรคก้าวไกลไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือมีการปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืนและเป็นการประกาศว่าจะเดินหน้าทำการเมืองต่อไป จึงขอให้กำลังใจในการทำงานทางการเมืองต่อไป
ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับทางฝ่ายความมั่นคงแล้ว ไม่มีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับการปลุกระดม จึงมั่นใจว่าไม่มีเรื่องเหล่านี้ และพรรคก้าวไกลก็เคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางที่จะเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมือง
ส่วนกรณีที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า เราเป็นประเทศที่มีเอกราช ดังนั้น เรื่องการออกมาคัดค้านจึงไม่มีความหมายอะไร และไทยเป็นประเทศมีวิธีการที่จะพัฒนาเรื่องการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งนี้ มั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราทุกคนไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่ายเรื่องอธิปไตยของเรา แต่ก็ไม่อยากใช้คำว่าก้าวก่าย อาจจะเป็นการเสนอแนะ เพราะเราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า ช่วงบ่ายวันนี้กระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงข่าว ซึ่งดูถ้อยคำแล้วก็เป็นถ้อยคำที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดการระหองระแหงต่อกัน ซึ่งสหรัฐฯ ก็ถือเป็นประเทศที่ใหญ่ คงจะมีความเป็นห่วง และมีความปรารถนา แต่ไทยก็มีวิธีการเดินในแบบของเรา
ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเป็นห่วงคดีการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม ว่า ตอนนี้จบไปแล้ว 1 คดี แต่คดีของตนเองในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ก็มีการส่งเรื่องคำชี้แจงแถลงปิดคดีไปถึงศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากพูดอะไร เพราะเคารพศาล และเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญคงเตรียมการพิจารณาคดีอยู่ ซึ่งวันที่ 14 สิงหาคมนี้ คงจะทราบผลการวินิจฉัย ส่วนในวันนี้ก็ยังคงทำงานตามปกติ รวมทั้งวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ก็จะทำงานตามปกติ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีความกังวล แต่ก็ไม่ได้ลดตารางการทำงาน
สำหรับกรณีที่อาจจะมีภาคเอกชนกังวลต่อคดีของนายกรัฐมนตรีมากกว่าคดียุบพรรคก้าวไกล เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นมากกว่า นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบ และไม่อยากพูดให้เป็นการชี้นำ ต้องให้เกียรติกัน เพราะต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนแต่ละองค์กรก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่
ส่วนข้อสังเกตการณ์วางตารางงานหลังวันที่ 14 สิงหาคม ในการลงพื้นที่ต่อเนื่อง จะเป็นการสัญญาณอะไรหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เป็นการอะไรทั้งสิ้น เพราะการทำงานต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย
ส่วนจะสื่อสารให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมอย่างไรนั้น เชื่อว่าทุกคนมีการสื่อสารที่ดี และรู้หน้าที่ตัวเอง ดังนั้นจึงเคารพการตัดสินของศาลอยู่แล้วตามที่ได้พูดเรื่องนี้มาโดยตลอด
สำหรับกรณีตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุยุบพรรคก้าวไกล จะตกเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะพูดคุยกัน