นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยย้ำว่า รัฐบาลต้องแจกเงินดิจิทัลเป็นเงินสด เพราะประชาชนมีสิทธิ์จะนำไปใช้จ่ายตามความจำเป็นและเดือดร้อน ไม่ใช่มาบังคับให้ไปซื้อสินค้าร้านสะดวกซื้อ อีกอย่างเงินหมื่นบาทที่แจกผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ใช้ซื้อสินค้ามีมูลค่าต้นทุนการผลิตเพียง 2,000 บาทเท่านั้น ส่วนต่างที่เหลืออีก 8,000 บาทถูกแบ่งสรรให้กลุ่มทุนการเมือง แต่ประชาชนต้องแบกภาระหนี้มากถึง 3 เท่าตัว
"รัฐบาลเพื่อไทยคิดอะไรกับผลประโยชน์ส่วนต่าง 80% ที่ชัดเจนเช่นนี้ และที่สำคัญไม่ได้กระตุ้นอะไรเลยในทางเศรษฐกิจ โครงการนี้ถ้าบวกค่าจัดการด้วยตกประมาณ 5 แสนล้าน แต่มีต้นทุนเพียง 1 ใน 5 ส่วนที่เหลือเป็นผลประโยชน์ ถ้าใครขัดขวางในยามประชาชนหิวโหยแล้ว จะถูกผลักให้เป็นศัตรูกับประชาชนทันที"
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าแจกเป็นเงินสดหมื่นบาท ประชาชนจะได้เงินเต็มๆ นำไปใช้จ่ายซื้ออะไรก็เป็นเรื่องของประชาชน ดังนั้น เราต้องขวางแจกดิจิทัลวอลเล็ต ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนถึง 4 ส่วนใน 5 ส่วน จากยอดการแจกประมาณ 5 แสนล้าน แล้วยังได้ข้อมูลประชาชนไปอีกด้วย ที่สำคัญประชาชนมีเวลาในการใช้เพียง 6 เดือน ส่วนกลุ่มทุนใช้ถึงปี 2570 อย่างไรก็ตาม ถ้าแจกเป็นเงินสดจะไม่มีใครมาขัดขวางเลย
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญการแจกดิจิทัลจะเป็นจุดเริ่มต้นให้มีการซื้อขายเงินดิจิทัลในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มูลค่ากว่า 4 ล้านล้าน แล้วตกลงราคาซื้อขายคอนโดกันที่ต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องนำเงินสีเทาเข้ามาซื้อในไทยเลย
ไม่เพียงเท่านั้น การทำธุรกิจกับแลนด์บริดจ์ยังให้ที่ดิน 3 แสนไร่กับต่างชาติถือครองนาน 99 ปี ถ้าบวกโครงการก่อสร้างด้วยแล้วอาจมีมูลค่า 20 ล้านล้าน และมาหยุดอยู่ที่การตั้งบ่อนคาสิโนในไทยที่มีผลประโยชน์มหาศาลตามมาด้วย
"การลุกขึ้นต่อสู้ในเรื่องนี้ จึงแลกด้วยอิสรภาพหรือชีวิต และการสู้มาตลอดนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ของตัวเองเลย แต่ต้องการกระตุ้นให้ประชาชนไตร่ตรองกับสิ่งที่ชาติกำลังเสียหาย ทั้งระบบเงินตรา อีกทั้งให้ประชาชนลงชื่อรับเงินก่อน แต่ไม่รู้จะได้รับแจกหรือไม่ ส่วนเพื่อไทยได้ข้อมูลประชาชนไปแล้ว”
นายจตุพร กล่าวว่า การออกมาขวางดิจิทัลวอลเล็ตเพราะเห็นเป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองที่จะเสียหายในอนาคต โดยต่างชาติจะเข้ามาครอบครอง ดังนั้น คนบางกลุ่มต้องหัดรักชาติบ้านเมืองกันบ้าง อีกอย่างหากเราอยู่เฉยต้องเสียชาติบ้านเมืองให้คนต่างชาติครอบครองเป็นแน่ ซึ่งประชาชนต้องลุกขึ้นมารักชาติ ปกป้องบ้านเมือง
"ถ้าพี่น้องส่งเสียงพร้อมกันว่า ต้องแจกเป็นเงินสดเท่านั้น ถามว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรได้ แต่อย่างน้อยประชาชนจะได้จับเงินทั้งๆที่จะเป็นหนี้ 3 หมื่นจากการแจกหนึ่งหมื่น รัฐบาลจะบ้าหรือไงคนเดือดร้อนสาหัสทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม แต่แจกเงินให้ไปซื้อสินค้าร้านสะดวกซื้อ แบบนี้ลองเสนอหน้ามาบอกทีว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน”
พร้อมทั้งกล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้ถูกงัดคดีเก่าตั้ง 15 ปีมาเล่นงานตน แต่ตนไม่กลัว และไม่ใช้อภิสิทธิ์ไปนอน รพ.ด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญถ้าพี่น้องไม่ตื่นขึ้นมาสู้รักษาชาติบ้านเมือง เพราะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ต้องช่วยกันส่งเสียงว่า แจกเงินสดหมื่นบาทเท่านั้น
ส่วนการยุบพรรคก้าวไกล นายจตุพร กล่าวว่า สส.ที่เหลืออยู่ประมาณ 143 คนจะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ตามนัดกันครบหรือไม่ เพราะแรงกดดันทั้งอำนาจและเงินเริ่มบีบอย่างหนัก อีกอย่างในอนาคตจะงัดคดีตามไปเล่นงาน 44 สส.ที่ลงชื่อเสนอกฎหมายแก้มาตรา 112 ด้วย ซึ่งจะทำให้บุคลากรที่มีประสิทธิภาพต้องสูญหายไปอีกในอนาคต
ประเทศไทยต้องมาก่อน