จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 6 ส.ค.) ได้เกิดเหตุไกด์นำเที่ยว จำนวน 2 คน ฝ่าฝืนลักลอบนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 31 คน เข้าไปในถ้ำน้ำทะลุ หรือ ถ้ำรอด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเขื่อนรัชชประภา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี ที่ได้มีการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน กระทั่งวานนี้ ได้เกิดเหตุฝนตกหนักและต่อเนื่อง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถ้ำน้ำทะลุท้ายเขื่อนรัชชประภาอย่างรวดเร็ว ในเวลาประมาณ 19.00 น. ไกด์นำเที่ยวจึงได้โทรประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก เพื่อเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายกุลบล พลวัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก ว่าได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก เข้าให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 31 คน และไกด์นำเที่ยว จำนวน 1 คน ไว้ได้และนำไปพักที่จุดช่วยเหลือบริเวณแพไกรสร แต่มีไกด์นำเที่ยว 1 คน ชื่อนายกองยศ ปองดี ชื่อเล่นฟลุ๊ค ยังสูญหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งติดตามตัวผู้สูญหายรายดังกล่าว จนกระทั่งเวลา 01.00 น.ได้พบร่างของนายกองยศฯ เสียชีวิตอยู่บริเวณท้ายถ้ำน้ำทะลุ เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างของผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลบ้านตาขุน พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อชันสูตรพลิกศพ ตามขั้นตอน
นายอรรถพล เปิดเผยว่า ได้สั่งการไปยังนายกุลบลฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดกับบริษัททัวร์ฯ ซึ่งได้ฝ่าฝืนนำนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวยังถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปี บริเวณถ้ำทะลุ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนของทุกปี เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงหน้าฝน มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ถ้ำน้ำทะลุ เป็นประจำทุกปี ในอดีตเมื่อปี 2550 เคยเกิดเหตุน้ำป่าทะลักเข้าถ้ำมาแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นมีนักท่องเที่ยวและไกด์เสียชีวิตจำนวน 7 ราย
ดังนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงขอฝากเตือนไปยังบริษัทนำเที่ยวทุกแห่ง ตลอดจนนักท่องเที่ยว ขอให้ตรวจสอบการปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปีของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ตลอดจนการปิดแหล่งท่องเที่ยวในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน หลายพื้นที่มีฝนตกหนักและต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมแหล่งท่องเที่ยวซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนดังกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้น กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัททัวร์ที่ฝ่าฝืนอย่างเฉียบขาด ต่อไป