นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #แถลงการณ์พรรคไทยภักดี
ต่อกรณีคำแถลงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ พบว่ามีการปลุกปั่นบิดเบือน ให้ประชาชนเข้าใจผิดในหลายๆกรณี พรรคไทยภักดีจึงมีความจำเป็น ที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาอธิบายให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ ต่อสิ่งบิดเบือนต่างๆที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้
1. การที่นายพิธากล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของแต่ละประเทศย่อมเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการของสังคม ความพยายามทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมีลักษณะหยุดนิ่ง ตายตัว พัฒนาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองของไทย
ซึ่งในความเป็นจริง สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเรามีการปรับตัวมาตลอด และมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในแต่ละยุคสมัย จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนถึงปัจจุบัน การที่จงใจกล่าวให้ร้าย เซาะกร่อนบ่อนทำลาย และนำไปสู่การยกเลิกมาตรา112 จึงไม่ใช่วิวัฒนาการเชิงสร้างสรรค์ต่อสถาบันฯ แต่ทำให้สถาบันฯ นำไปสู่การชำรุด ทรุดโทรม และ อ่อนแอ
2.กรณีที่กล่าวว่า การปกปักรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจกดปราบ ไม่ว่าจะด้วยกำลัง ในนามของกฎหมาย
ซึ่งในข้อเท็จจริง การปกครองระบอบประชาธิปไตยในทุกประเทศ ต้องอยู่บนพื้นฐานหลักการของกฏหมาย ทุกฝ่ายแม้แต่พรรคการเมือง ต้องเคารพกฏหมาย ถ้าไม่มีการกระทำผิดกฏหมาย ก็จะไม่สามารถไปดำเนินคดีใดๆได้เลย ดังนั้นพรรคก้าวไกลต้องตระหนักความจริงเหล่านี้ นั่นคือถ้าไม่ทำผิดกฏหมายก็จะไม่มีใครดำเนินคดีได้
3.การนำประเด็นเกี่ยวกับความจงรักภักดีมากล่าวหาโจมตีกันในทางการเมือง นำไปสนับสนุนหรือเกี่ยวพันกับการทำรัฐประหาร
ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในยุคปัจจุบัน และนำไปสู่การรัฐประหาร มีมูลเหตุหลักมาจาก การทุจริตคอรัปชั่น และใช้อำนาจไม่ชอบ ไม่ใช่นำมูลเหตุเรื่องความจงรักภักดีมาเป็นเหตุผล แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ นักการเมืองที่สร้างภาพว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กลับไม่เคยสนใจปัญหาการทุจริตเหล่านี้
4.การอ้างว่า มีการบังคับใช้มาตรา 112 ในลักษณะเข้มงวดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทั้งๆที่การบังคับใช้กฏหมายมาตรา112 ก็ล้วนเกิดจากการยุยงปลุกปั่น ให้เยาวชนจงใจจาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง โดยพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีผู้จงใจกระทำผิด จะต้องถูกดำเนินคดี ไม่ใช่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดตามที่อ้าง สิ่งที่น่าสังเกตในช่วงปัจจุบัน การยุยงเยาวชนทำผิดลดน้อยลง การดำเนินคดี ตามมาตรา112 ก็จะลดน้อยลง
5.การที่อ้างว่า เล็งเห็นความจำเป็นที่จะเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112 ด้วยเจตนาที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์
สิ่งที่นายพิธากล่าวมา เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา112 เพื่อฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดี ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว นั่นคือผลที่เกิดขึ้น ทำให้มีการแยกสถาบันฯ กับความเป็นชาติไทย มุ่งลดสถานะการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ใช้สถาบันกษัตริย์หวังผลคะแนนเสียงเลือกตั้ง สุดท้ายนำไปสู่การเซาะกร่อน บ่อนทำลาย ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม อ่อนแอ และการล้มล้างการปกครองฯได้ในที่สุด
พรรคไทยภักดีจึงขอเรียกร้อง พรรคก้าวไกล ที่อ้างว่าเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย หยุดบิดเบือน ให้ร้ายในสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ว่าผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อพรรคก้าวไกล ขอให้พรรคก้าวไกลเคารพคำตัดสินของศาล เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเดินหน้าต่อไปได้
5 สิงหาคม 2567