นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังหารือโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ รวมกับนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้นำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นพ้องต้องกันที่จะคิกออฟโครงการในวันที่ 20 สิงหาคม - 20 พฤศจิกายน หลังเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร โดยหลังจากนี้ก็จะมีรายละเอียดและผู้ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันมากขึ้น ขณะนี้ได้เตรียมการและพูดคุยกับทุกภาคส่วนแล้วคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เดินไปสู่เป้าหมายลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ทั้งการจัดสถานที่ออกร้าน เกษตรกร ผู้ค้ารายย่อยทั้งหมด จะดำเนินการตามโดยไม่มีค่าใช้จ่ายและค่าเช่าแผง หรือหากมีค่าเช่า ก็จะคุยกับเจ้าของผู้ให้บริการ ให้ลดราคาลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หรือครึ่งราคา ซึ่งในที่ประชุมได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว และเห็นพ้องต้องกันแล้วที่จะใช้ศาลากลางจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน โดยมีพาณิชย์จังหวัดทั้งหมดเป็นตัวขับเคลื่อน รวมถึงจุดท่องเที่ยวและตลาดใหญ่ของจังหวัดเป็นตัวหลัก
เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมที่มีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่ง ให้เข้าไปขายสินค้าได้เป็นกรณีพิเศษ และยังมีรถยนต์ของกระทรวงกลาโหม รถทรัครถโมบาย เข้ามาช่วยเหลือในกิจการต่างๆ ได้ โดยทั้งหมดเป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย สมาคม ห้างร้านที่เกี่ยวข้อง อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ฯ
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข จะอาศัยความร่วมมือของ อสม. ทั้งหมด ประสานงานทุกตำบล ทุกอำเภอ เพราะอสม.ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านค้าย่อยในชุมชนอยู่แล้ว สำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้าเข้าไปในพื้นที่ก็จะส่งเสริมให้ประชาชนจัดรถพุ่มพวงเข้าไปและสนับสนุนสินค้า อุปโภคบริโภคอย่างน้ำตาล น้ำมัน ของใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมย้ำว่าคิกออฟพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 20 สิงหาคม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการตามที่เห็นถึงความสำคัญความยากลำบากของประชาชนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ลากยาวออกไป สามารถทดแทนได้ ในช่วงช่องว่าง 3 เดือน ที่ยังไม่มีโครงการใดขึ้นมาทดแทน ซึ่งถือเป็นโครงการที่ตระเตรียมเพื่อให้มีความพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่ายของประชาชน ผู้ประกอบการ SME รายเล็ก โดยนำผู้ประกอบการรายใหญ่ มาช่วยกันบนหลักการสร้างความสมดุล และเป็นโครงการที่จะรองรับการค้าที่จะใช้ระบบดิจิทัลเป็นหลัก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำในที่ประชุมว่า ให้ระมัดระวังไม่ให้กระทบกับร้านค้าย่อย เพราะฉะนั้นก็จะดึงร้านค้าย่อยเข้ามาร่วมในโครงการนี้ด้วย และให้คำนึงถึงผลกระทบต่อ เกษตรกรผู้ผลิต ก็ไม่ควรจะถูกตัดราคา ไม่ให้ประโยชน์ไปตกอยู่ที่ส่วนกลางได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องคำนึงถึงทั้งหมด โดยขั้นต้นประเมินไว้ว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายประชาชนได้ถึง 7,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันภายหลังจากที่ได้ดำเนินโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว ก็ถือเป็นการฝึกฝนประชาชนให้เพิ่มการลงทุนของตัวเอง ค้าขายได้ทั่วประเทศ