ศาลอาญารัชดานัดฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูงหมายเลขดำ อ.2802/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปความว่า ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม -1 สิงหาคม 2564 ต่อเนื่องกัน จำเลยใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ พริษฐ์ ชิวารักษ์ โพสต์ข้อความและเผยแพร่ภาพ ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดี แต่นายพริษฐ์ ไม่มาศาลตามนัด มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงออกหมายจับ และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
โดยในวันนี้ (31 ก.ค.) นายพริษฐ์ ยังคงไม่เดินทางมาศาล มีแต่ทนายความเท่านั้นมาศาล ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยตามกฎหมาย
โดยศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงพยานโจทก์ล้วนเบิกความสอดคล้องต้องกัน ไม่มีเหตุเบิกความใส่ร้ายจำเลย
ส่วนที่จำเลยอ้างว่า อาจจะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายอื่นเข้ามาใช้เฟซบุ๊กตนเอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจนั้น หากเป็นความจริง จำเลยสามารถลบภาพ และข้อความดังกล่าวได้ แต่ไม่กระทำ และการโพสต์ภาพข้อความของจำเลย ในวันที่ 28 กรกฎาคม ชักชวนให้ใส่ชุดดำ ก็เป็นบริบทให้เข้าใจได้ว่า เป็นการไว้ทุกข์ ที่จำเลยอ้างว่า เป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้มีการปฏิรูปสภาบันนั้น ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานดูหมิ่นสถาบัน อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 3 ปี คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ทั้งนี้ ให้ออกหมายจับจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษา ภายในอายุความ 10 ปี