นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 5) ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม ณ สภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง
นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการเสนองบประมาณรายจ่ายประจำของปี 68 ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งหลักการของกทม. จะไม่มีการกู้เงิน แต่จะใช้เงินให้เท่ากับการประมาณการรายรับของกทม. ซึ่งกทม.อาจจะใช้เงินเกินงบฯ เนื่องจากเรามีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ต่อเนื่องมา
สำหรับการของบประมาณในปีนี้ จะเน้นเรื่องของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในระดับเส้นเลือดฝอย จะเห็นได้ว่าเราจัดสรรงบประมาณไปสู่สำนักงานเขตกว่า 20,000 ล้านบาท เพราะว่าชีวิตของพี่น้องประชาชน จะเกี่ยวข้องกับสำนักงานเขตในพื้นที่เป็นหลัก อาทิ น้ำท่วม ไฟฟ้าแสงสว่าง การศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการเสนอของงบประมาณในโครงการขนาดใหญ่ของ กทม. เช่น การก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ การก่อสร้างเขื่อน โรงงานกำจัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นการของงบประมาณในโครงการที่ต่อเนื่อง
ส่วนการแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. พ.ศ.2568 ที่จะมีการเสนอบุคคลภายนอก ที่มีความรู้ความสามารถในการพิจารณางบประมาณ และมีประสบการณ์ในการตรวจสอบทุจริต เข้าไปเป็นคณะกรรมการนั้น ทางผู้บริหาร กรุงเทพมหานครเป็นฝ่ายถูกตรวจสอบ ดังนั้นหากกทม.ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบัญญัติ และข้อบังคับต่างๆ ถูกต้อง ไม่มีการทุจริต ก็พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบและไม่ขัดข้องในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ แต่ตามขั้นตอนต้องเป็นเรื่องของสภากรุงเทพมหานครในการตกลงกัน ซึ่งการจัดสรรงบประมาณฯ ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชน โดยสะท้อนผ่านสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เป็นหลัก ในการนำเสนอความต้องการของประชาชน สู่การแปรงบประมาณฯ ซึ่งต้องร่วมมือกันระหว่างผู้บริหารกรุงเทพมหานครและฝ่ายนิติบัญญัติ ให้มีความโปร่งใสโดยยึดความต้องการของประชาชนเป็นหลัก และเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายมีความตื่นตัวในการตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสร่วมกัน