นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ลักลอบจะไปทำงานที่สาธารณรัฐฟินแลนด์ จำนวน 43 คน เป็นชาย 36 คน และหญิง 7 คน ซึ่งทั้งหมดให้การยอมรับว่าจะเดินทางไปทำงานเกษตรกรเก็บผลไม้ป่าที่สาธารณรัฐฟินแลนด์ โดยไม่ได้ขออนุญาตกับกรมการจัดหางานตามกฎหมาย กรมการจัดหางาน ได้ระงับการเดินทางพร้อมกับชี้แจงให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด พร้อมสั่งการไปยังสำนักงานจัดหางานจังหวัดที่คนหางานซึ่งถูกระงับการเดินทางมีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อสอบข้อเท็จจริงและขยายผลถึงขบวนการชักชวนหรือนำพาคนหางานไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่สาธารณรัฐฟินแลนด์อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายคารม ย้ำเตือนว่า การเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในสาธารณรัฐฟินแลนด์ขณะนี้ยังชะลอการจัดส่ง โดยอยู่ระหว่างหารือร่วมกับสาธารณรัฐฟินแลนด์เพื่อปรับระเบียบกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่า รวมถึงนายจ้างต้องยอมรับเงื่อนไขที่กำหนด เพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์การคุ้มครองและการรักษาสิทธิของแรงงานไทย ตลอดจนความโปร่งใสและความเป็นธรรมให้แก่แรงงานไทย ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อบริษัท และนายหน้าชักชวนเดินทางไปทำงาน นอกจากจะสูญเสียเงินแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
พร้อมกันนี้ นายคารม แนะการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มี 5 วิธี ดังนี้ 1. กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง กรมการจัดหางานเป็นผู้ดำเนินการให้แก่คนที่หางาน ที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งคนหางานไม่ต้องเสียค่าบริการแต่เสียค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและเท่าที่จ่ายจริง เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าตรวจสุขภาพ ค่าวีซ่า ค่าภาษีสนามบิน เป็นต้น 2. บริษัทจัดหางานจัดส่ง ต้องเป็นบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง (อธิบดีกรมการจัดหางาน) การรับสมัครคนหางานและจัดส่งคนหางานไปทำงานต้องได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางานก่อนจึงจะประกาศรับสมัครและจัดส่งไปทำงานได้ โดยจะเสียค่าใช้จ่ายและ ค่าบริการในการจัดหางานให้แก่บริษัทจัดหางานไม่เกินตามที่กฎหมายกำหนด 3. คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง คนหางานติดต่อไปทำงานกับนายจ้างในต่างประเทศด้วยตนเอง หรือคนหางานที่ทำงานครบสัญญาจ้างแล้วได้ต่อสัญญาจ้างเมื่อเดินทางกลับมาพักผ่อนชั่วคราวในประเทศไทยและจะกลับไปทำงานอีก ต้องแจ้งต่อกรมการจัดหางานก่อนวันเดินทาง 4. นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทย ที่มีบริษัทในเครืออยู่ในต่างประเทศ หรือประมูลงานในต่างประเทศได้ และประสงค์จะพาลูกจ้างไปทำงานต้องขออนุญาตการเดินทางไปทำงานต่างประเทศต่อกรมการจัดหางาน และ 5. นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศนายจ้างต้องแจ้งการเดินทางไปฝึกงานของลูกจ้างต่อกรมการจัดหางานโดยยื่นแบบแจ้งการส่ง ลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศการไปทำงานต่างประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการคุ้มครองและสิทธิ ประโยชน์ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตนจะเดินทางไปทำงาน เพื่อป้องกันการหลอกลวงผ่านระบบ e – Service กรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทย ไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–10 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน และสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694