xs
xsm
sm
md
lg

"หริรักษ์"เชื่อแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคึกคักเพียงวูบเดียว ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า ไม่แปลกใจที่งบประมาณกลางปี 2567 ซึ่งรัฐบาลขอตั้งเป็นพิเศษอีก 1.22 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้กับการแจกเงิน digital wallet ผ่านวาระแรกของการพิจาณาของสภาผู้แทนราษฎรไปด้วยเสียงส่วนใหญ่ 297 เสียงต่อ 164 เสียง เพราะได้เห็นภาพในงานเลี้ยงของพรรคร่วมรัฐบาลที่ปาร์คนายเลิศ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเป็นเจ้าภาพ

ปัจจุบันประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางกำลังเดือดร้อน พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยหากไม่แน่จริง ขายของไม่ได้ รายได้ไม่พอรายจ่าย โรงงานต่างๆทยอยปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก คนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ประกาศจะสูงขึ้นจากในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 0.62% แต่ผู้ที่จับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์อาหาร ทั้งของสด ของแห้ง อาหารสำเร็จรูป กลับรู้สึกว่าของเกือบทุกอย่างแพงขึ้น ราคาอาหารในร้านอาหารล้วนแพงขึ้น ก๋วยเตี๋ยวชามละ 50 บาทเกือบหาไม่ได้แล้ว

ในขณะที่สภาพของคนทั่วไปเป็นเช่นดังที่บรรยายไว้ข้างต้น แทนที่จะเห็ภาพของการประชุมกันอย่างคร่ำเครียด เพื่อหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ ผู้ที่มีหน้าที่บริหารประเทศกลับสนุกสนาน ทานอาหารหรู ในสถานานที่แสนหรู ชื่นมื่น ร้องเพลง หัวเราะต่อกระซิก ดูแต่ละคนมีความสุขกันเหลือเกิน เป็นภาพที่ขัดตาขัดใจผู้ที่กำลังประสบความเดือดร้อนเป็นที่สุด

ยังดีที่มี ส.ส.หลายคนทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ไม่มาลงคะแนน ซึ่งก็มีนัยยะต่างกัน ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ลงคะแนนคงไม่ใช่เพราะไม่เห็นด้วย เพราะหากไม่เห็นด้วยต้องลงคะแนนไม่เห็นด้วย แต่เลี่ยงที่จะไม่ลงคะแนนอาจเพราะกำลังแบะท่าว่าพร้อมร่วมรัฐบาลก็ได้ ในขณะที่ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่มาลงคะแนน อาจเป็นเพราะไม่เห็นด้วย แต่เพื่อรักษามารยาททางการเมือง จึงเลี่ยงโดยไม่มาลงคะแนน

ดูเหมือนทุกคนในรัฐบาลจะเห็นว่า digital wallet เป็นยาวิเศษ แจกเงินไปคนละหมื่นแล้ว ทุกอย่างจะกลับมาดีเอง โรงงานผลิตสินค้าที่ยังไม่ได้ปิดตัวจะกลับมาผลิตสินค้าได้จนใกล้เต็มกำลังการผลิต ตลาดต่างๆจะไม่เงียบเหงา รถและบ้านที่กำลังผ่อนกันจะไม่ถูกยึด คนทั้งประเทศจะมีกินมีใช้กันทั่วหน้า

ขอบอกว่า นั่นคือความฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แจกเงินแล้วก็จะคึกคักเพียงวูบเดียว ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะปัญหาของเศรษฐกิจไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นมานาน ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของไทยกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่ล้าหลัง ไม่สามารถสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ไม่มีผู้อื่นตอบสนองได้ การส่งออกของเราจึงมักต้องแข่งกันกับประเทศอื่นๆด้วยราคา เมื่อใดที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ผู้ส่งออกก็จะร้องกันระงมเพราะจะทำให้สินค้าที่ขายแพงขึ้น ขายยากขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากค่าเงินบาทอ่อนลง ผู้ส่งออกก็จะดีใจ นี่เป็นอาการปกติของประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำ อย่างประเทศเรา

ลองนีกดูว่า ประเทศเรามี brand สินค้าของตัวเอง ที่เป็น brand ระดับโลก สามารถตั้งราคาสูงอย่างไรคนก็จะซื้อ สักกี่ brand นึกได้แต่ brand อุปกรณ์มวยไทยเท่านั้น ที่กำลังเป็น brand ระดับโลก ได้แก่ แฟเท็กส์ และหยกขาว นอกนั้นนึกไม่ออก ใช่หรือไม่

อย่างไรก็ดี ความจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยก็มีและต้องรีบทำ อย่างที่มีคำแนะนำจากหลายคนว่าทำไมไม่ทำโครงการคนละครึ่งต่อ หรือแจกเงินสดให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อย เงินที่ของบประมาณการกลางปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และที่จะรีดมาจากงบปี 67 ที่ใช้ไม่ทัน หากนำมาใช้เป็นโครงการคนละครึ่งก็เหลือเฟือ และทำได้ทันที เห็นผลทันที คนในรัฐบาลทุกคนก็รู้ แต่ยังตะบี้ตะบัน หายใจเป็น digital wallet กันต่อไป พรรคร่วมรัฐบาลก็เออออกันต่อไป

น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ