นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การเมืองช่วงสิงหาคมจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างสำคัญ เพราะถ้านายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ รอดพ้นคดี แต่บ้านเมืองยากจะรอดพ้นจากหายนะไฟบรรลัยกัลป์ของโครงการที่เอื้อทุนสีเทาต่างชาติร่วมมือกับทุนไทยกอบโกยประโยชน์แล้วทำประเทศฉิบหาย
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในเดือนสิงหาคมนี้ บ้านเมืองจะเอากันอย่างไรกันแน่ โดยคดีของนายเศรษฐาที่ถูกศาล รธน.วินิจฉัยอยู่ ขณะนี้ส่อรอดคดีมีมากอย่างถึงที่สุด แต่โอกาสเกิดหายนะต่อแผ่นดินของเราก็จะมีมากด้วยเช่นกัน
"ถ้าเศรษฐา รอดคดียิ่งจะได้โอกาสไปผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้าน หนุนให้ต่างชาติมาซื้อคอนโดได้ 75% และอยู่นานถึง 99 ปี นอกจากนี้ยังจ้องดันให้ประเทศมีบ่อนคาสิโน 8 แห่งทั่วประเทศ แล้วยังเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ให้ต่างชาติได้สิทธิ์ครอบครองที่ดิน 3 แสนไร่นานถึง 99 ปีอีก
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญรัฐบาลได้เสนอให้ออกกฎหมายเพิ่มเติมงบประมาณ 2567 ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่นายกฯ ย้ำว่า งบประมาณ 2567 เหลือใช้ แล้วจะมาทำเพิ่มเติมงบประมาณอีกทำไม
พร้อมทั้งระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ลดงบประมาณจาก 5 แสนล้านมาเป็น 4.5 แสนล้านนั้น ยังเป็นการใช้งบประมาณที่สูงอยู่ดี ไม่เพียงเท่านั้น การแจกเงินหมื่นให้ประชาชนใช้ในระยะเวลา 6 เดือน แต่ร้านค้าสามารถมีกระบวนการจัดการเงินถึงปี 2570 สิ่งนี้จึงเป็นพิรุธเพราะไม่เกี่ยวกับดิจิทัลเลย
ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาคือ การแจกเงินหมื่นให้ประชาชนไปซื้อสินค้าที่มีต้นทุนบวกกำไรในการผลิตแล้วไม่เกิน 35% อีกอย่างส่อแนวโน้มจะมีต้นทุนผลิตเพียง 20% ดังนั้นโครงการดิจิทัลย่อมทำให้เกิดส่วนต่างกำไรของกลุ่มผู้ผลิตน้อยรายมากถึง 65-80% ซึ่งจะทำให้ประเทศแบกหนี้งบประมาณให้นายทุนได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตสอดประสานและเอื้อประโยชน์ให้เกิดโครงการต่างชาติมาซื้อคอนโดถึง 75% โดยการซื้อขายผ่านสกุลเงินดิจิทัลที่ทำข้อตกลงซื้อขายกันที่ต่างประเทศ ดังนั้น การคิดโครงการเช่นนี้ย่อมเท่ากับเป็นการเอางบประมาณของประเทศไปค้ำประกันการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลอย่างแอบแฝง อย่างไรก็ตามเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงในตลาดซื้อขายกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แผ่นดินของเราตกอยู่ในสภาพสุ่มเสี่ยงไปด้วย
"ด้วยเหตุนี้ เดือนสิงหาหากนายเศรษฐา รอดจากคดีที่ศาล รธน.พิจารณาอยู่แล้ว ยิ่งทำให้มาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองมัวหมองและเป็นการเลือกปฏิบัติไปด้วย แต่สิ่งที่นายเศรษฐารอดย่อมส่อแนวโน้มให้บ้านเมืองมีโอกาสฉิบหายในอนาคตอย่างมากมาย ดังนั้น ประชนจึงไม่ควรให้โครงการขายชาติขายแผ่นดินเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้"
อีกทั้งย้ำว่า ความเสียหายที่จะมาพร้อมกับโครงการ 4 โครงการทั้งแจกดิจิทัล ตั้งบ่อนคาสิโนมูลค่าผลประโยชน์กว่า 3 ล้านล้านบาท ดันแลนด์บริดจ์เฉือนที่ดิน 3 แสนไร่ให้ต่างชาติเช่าอยู่ 99 ปีมีมูลค่านับล้านล้านบาทเช่นกัน แล้วยังมีการขายคอนโดตกค้างเก่ารวมมูลค่าประมาณกว่า 3 ล้านล้าน ดังนั้นโอกาสที่ประเทศจะรอดจากหายนะจึงมีน้อยมาก
นายจตุพร กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ประชาชนอดอยาก หิวโหยจากเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเกิดจากรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งช่วงเวลานี้ประชาชนย่อมคว้าเอาโอกาสที่จะทำให้หายหิวได้ โดยไม่ใส่ใจกับผลกระทบหนักหน่วงที่จะต้องเป็นหนี้ในอนาคต ดังนั้น การแจกเงินหมื่นบาทไปซื้อสินค้ามูลค่าประมาณ 2,000-3,500 เพื่อมาประทังปากท้องครอบครัวได้หายอดอยากชั่วครั้งคราว จึงไม่ใส่ใจกับหายนะภัยของดิจิทัลที่จะทำให้ประเทศล่มจมได้
พร้อมระบุว่า ด้วยสถานการณ์ปากท้องเช่นนี้ ประชาชนจึงยากจะลุกขึ้นมาต่อต้านต่างชาติสีเทาที่ร่วมมือกับคนไทยบางกลุ่มได้ประโยชน์จาก 4 โครงการหายนะภัย ราวกับรัฐบาลเร่งผลักดันให้เป็นไฟบรรลัยกัลป์เผาแผ่นดินของเราให้วายวอด ดังนั้นประชาชนต้องไม่ปล่อยให้โครงการขายชาติ ขายแผ่นดินเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อความฉิบหายเป็นอันขาด
กรณีนายวิษณุ เครืองาม บอกทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษแล้วสามารถช่วยงานรัฐบาล และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้นั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายวิษณุออกอาการหลวมหลุดทางความคิด เพราะตาม รธน.แล้ว นักโทษเมื่อพ้นโทษต้องอย่างน้อย 10 ปีจึงจะมีสิทธิ์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม หากติดคุกในคดีทุจริตไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีวิต สิ่งเดียวที่จะทำได้คือ เป็นผู้ช่วยหาเสียง แต่ต้องพูดตามที่พรรคบอก หากพูดนอกเหนือแล้ว พรรคการเมืองจะถูกข้อหาถูกครอบงำได้
“ขณะนี้การพ้นโทษของทักษิณ จะทำให้นายเศรษฐา มีความทุกข์อย่างมากที่สุด หากทักษิณมาทำเนียบช่วยงานรัฐบาลเท่ากับเป็นตัวเรียกม็อบมาบุกได้อย่างง่ายดายไม่เว้นวัน สิ่งสำคัญสถานภาพทางการเมืองของทักษิณ ย่อมเป็นจุดเด่นเหนือกว่านายเศรษฐาอย่างมาก และจะตกเป็นเป้าของสื่อที่ต้องสัมภาษณ์มากกว่าตัวนายกฯ เสียอีก”
อีกทั้งกล่าวถึงทักษิณจะพ้นโทษช่วงปลายสิงหาคมนี้ว่า เมื่อออกจากคุก ก้าวพ้นประตุเรือนจำจะได้รับใบบริสุทธิ์ถ้าติดคุกสมบูรณ์ เพื่อแสดงถึงชีวิตบริสุทธิ์ไม่ต้องถูกคุมขังอยู่ในคุกแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับความผิดที่ถูกตัดสินให้ลงโทษติดคุกแต่ประการใด
นายจตุพร กล่าวว่า หากกรณีทักษิณอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ มีข้อพิสูจน์ว่า ไม่ป่วยจริง โดยมีพยานปากสำคัญคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ไปพบทักษิณที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 แต่ทักษิณกลับชี้แจงสั้นๆว่า ไม่เป็นความจริง แสดงถึงคำพูดที่ขัดกัน ดังนั้น กรณีนี้ต้องมีใครสักคนพูดความจริงและมีบางคนต้องพูดโกหก
"การได้ใบบริสุทธิ์แล้ว ไม่ได้หมายความว่า จะไม่กลับไปติดคุกตามคดีที่ได้ใบบริสุทธิ์อีก เพราะหากพิสูจน์ได้ว่า ทักษิณนอน รพ.ตำรวจ ไม่ได้ป่วยจริง เพราะไม่อยากติดคุก จึงเป็นการอ้างเท็จ จึงต้องเข้าคุกได้อีกในคดีเดียวกัน และใบบริสุทธิ์ก็ช่วยไม่ได้ ผมเป็นตัวอย่างนักโทษได้ใบบริสุทธิ์แล้ว ยังกลับไปติดคุกในคดีใบสุทธิ์ที่ได้รับด้วย หวังว่าทักษิณจะได้รับโอกาสเช่นเดียวกับผมบ้าง”
นายจตุพร กล่าวว่า อีกอย่างแพทย์ รพ.ตำรวจและรพ.ราชทัณฑ์ ถูกแพทยสภาตั้งกรรมการสอบอยู่ หากมีผลสอบออกมาว่า การรักษาทักษิณ เป็นความเท็จแล้ว ย่อมมีความผิดจรรยาบรรณแพทย์ ดังนั้นทักษิณ อย่ามั่นใจให้มากว่า ได้รับใบบริสุทธิ์เมื่อพ้นโทษออกจากคุกแล้วจะไม่กลับไปติดคุกได้อีก
ประเทศไทยต้องมาก่อน