นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอโครงการประกันข้าวนาปีการผลิต 2567 โดยให้เกษตรกรเป็นผู้รับประโยชน์จากค่าสินไหมทดแทน 100% ในทุกกรณี และให้ศึกษาถึงมาตรการเยียวยาเกษตรกรเพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้เสีย หรือ NPL ในอนาคต โดย ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พูดคุยกันถึงการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายที่จะให้มีการประกันภัยทั้งหมด 21 ล้านไร่ โดย ธ.ก.ส. จะอุดหนุนเบี้ยประกันให้แก่ลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ใน 2 กลุ่ม คือกลุ่มลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. 15 ล้านไร่ และกลุ่มเกษตรกรทั่วไปที่ไม่ได้เป็นลูกค้าสินเชื่อของ ธ.ก.ส. ประมาณ 5 ล้านไร่ ซึ่งความคุ้มครองจะแตกต่างกันออกไปเป็นภัยธรรมชาติ และภัยจากศัตรูพืชหรือแมลง โดยปรับหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรเป็นผู้รับประโยชน์จากค่าสินไหมทดแทน 100% ในทุกกรณี และให้มีการศึกษามาตรการเยียวยาแก่เกษตรกร เพื่อไม่ให้เกิดภาวะหนี้เสีย NPL ในอนาคตด้วย โดย ธ.ก.ส. จะเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยทั่วประเทศ ( 63 จังหวัด) ตั้งแต่วันนี้ – 15 กรกฎาคม 2567 ยกเว้นภาคใต้ (14จังหวัด) สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับทั้งประชาชน และกลุ่ม SMEs ธนาคารออมสินมีมาตราการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินเพื่อไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อเพื่อให้วงเงินกระจายไปในระบบเศรษฐกิจ ในโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชนรายย่อย และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ GSB Boost Up โดยจะแยกบัญชีโครงการนี้เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ เพื่อไม่ให้กระทบผลการดำเนินงานของธนาคารโดยรวม